ไม่ว่าใครต่างก็เคยมีเรื่องราวในอดีตที่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจกันทั้งสิ้น แต่ตัวเราในอดีตที่ผ่านมาได้นั้นก็เติบโตมาเป็นตัวเราในวันนี้ เช่นกัน เพราะฉะนั้นวันคืนที่เลวร้ายเหล่านั้นต่างก็มีส่วนช่วยให้เราเติบโตขึ้นไม่มากก็น้อย วันนี้ทางเรามี นิยายแปล สัญชาติญี่ปุ่นน่าสนใจมานำเวนอทุกคนกันครับ นั้นคือ นิยายแปล เรื่อง “ขนมปังของพรุ่งนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน” นิยายญี่ปุ่น อบอุ่นๆ ที่มีกลิ่นอายของความเศร้าและอดีตที่เจ็บปวดของบรรดาตัวละคร ที่ทุกคนต่างมีเรื่องราวในอดีต ร่องรอยบาดแผลที่แตกต่างกันออกไป แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนต่างก็ยังก้าวไปข้างหน้าอยู่และพยายามก้าวข้ามอดีตเหล่านั้นในทุกๆวัน รีวิวหนังสือโดยคุณ 85mm ที่มาแชร์ประสบการณ์หลังได้อ่าน นิยายญี่ปุ่น เล่มนี้
นิยายเรื่อง “ขนมปังของพรุ่งนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน” ว่าด้วยเรื่องความทรงจำของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ผ่านการสูญเสีย แตกสลาย แต่พวกเขายังมีกันและกัน รวมทั้งขนมปังปิ้งในยามเช้า.
“มันเป็นความรู้สึกว่า ชีวิตคนเราบางครั้งก็ต้องมีสะดุดกันบ้าง ทั้งที่รู้ดี บางครั้งเราเรียกสิ่งนี้ …ว่าการเสพติดหรือเปล่านะ”
ที่จริงต้องบอกว่านิยายเรื่อง ขนมปังของพรุ่งนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน เราแอบเล็งไว้ตั้งแต่สำนักพิมพ์ออกมาประกาศลิขสิทธิ์แล้วล่ะ ต้องบอกว่าถูกจริต ตรงปก ตรงแนว ตรงใจมากกกก
พูดถึงนิยายจากญี่ปุ่นมีหลายเรื่องที่เป็นนิยาย Feel Good อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรัก ความสุข ในขณะที่เจือปนไปด้วยดราม่าจากการสูญเสีย เราหลงรักผลงานจากฝั่งญี่ปุ่นมากมายหลายเล่ม ตั้งแต่ผลงานเรื่อง โดรายากิขนมนี้ทำด้วยใจ ผลงานจาก Durian Sukegawa (เล่มนี้ทำเอาน้ำตาซึมไปเลยอะ ไว้เราจะมารีวิวให้ฟังรอบหน้านะ) หรือจะเป็นนิยายชื่อชวนขนลุกอย่าง ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ I Want To Eat Your Pancreas หรือจะเรื่องใหม่ล่าสุดจากสำนักพิมพ์ Bibli (ออกเสียงว่า บิบลิ) เรื่อง ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ เรียกได้ว่านอกเหนือจากวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่ถูกแทรกเข้ามาระหว่างเรื่อง นักอ่านอย่างเรายังตกหลุมรักมุมมองความโรแมนติกบางอย่างที่เรียกได้ว่าแทบจะหาจากนิยายเล่มไหนไม่ได้แล้วจริงๆ และที่สำคัญบางเรื่องได้ถูกนำไปสร้างเป็นละครทีวีอีกด้วยอย่างเรื่อง ขนมปังของพรุ่งนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน ที่เรากำลังจะเล่าให้ทุกคนได้ฟัง
พูดถึงนิยายเรื่อง ขนมปังของพรุ่งนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน เป็นนิยายที่บอกเล่าเรื่องราวที่สุดแสนจะเรียบง่ายของกลุ่มคนที่ผ่านการสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไป ไม่ว่าจะความตายหรือด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ความสูญเสียสร้างบาดแผลจนเกิดเป็นรอยเว้าแหว่งฝังลึกเสียจนหากไม่ประคับประคองกันไปให้ดี อาจจะเสียหลักล้มลงเจ็บหนักเข้าสักวัน
…แอร์โฮสเตสสาวที่อยู่ๆ ก็ยิ้มไม่ได้
…สาวนักไต่เขาที่พยายามหลีกหนีบางอย่างในชีวิต
…ชายหนุ่มที่คิดว่าการแต่งงานคือความสำเร็จ
…เด็กหนุ่มร่างสูงที่ฝันจะมีเซ็กซ์ในรถสักครั้ง และ
…คนเว้าแหว่งสองคนที่เพิ่งสูญเสียคนสำคัญไปและพยายามที่จะอยู่กับปัจจุบันให้ได้
สิ่งที่นักอ่านจะได้จะได้พบจากนิยาย ขนมปังของพรุ่งนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน คือการค่อยๆ พาเราเข้าสู่ความรู้สึกของคนที่แตกสลายอย่างเรียบง่าย เชื่องช้า ราวกับกำลังนั่งชมดอกซากุระร่วงหล่นในฤดูใบไม้ผลิ นักอ่านจะได้เห็นการพยายามที่จะใช้ชีวิตและการส่งต่อพลังให้กับคนเว้าแหว่งคนอื่น ท่ามกลางความเจ็บปวดที่ยังคงรอการเยียวยารักษา
พูดถึงในมุมมองการถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์บ้าง ซึ่งผลตอบรับจากผู้ชมถือว่าดีเลยทีเดียว เพราะจากเว็บไซต์ MyDramaList ได้รีวิวจากผู้ชมถึง 8 คะแนนเลยทีเดียว โดยซีรีส์ ขนมปังของพรุ่งนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน สร้างทั้งหมด 7 ตอนด้วยกัน ได้
โดยในมุมนักแสดงเอง ก็ได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง Naka Riisa มารับบทเท็ตซึโกะ หญิงสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อของสามี ที่รับบทโดย Kaga Takeshi หลังจาก 7 ปีของการสูญเสียสามีของเท็ตซึโกะและลูกชายไปด้วยโรคร้าย การลาจากของคนรักสร้างบาดแผลลึกและความกลัวในการใช้ชีวิตให้กับทั้งคู่ ในหนังสือหรือละครเราจะได้เห็นทั้งลูกสะใภ้และพ่อตาต่างยิ้ม หัวเราะ แต่ในใจลึกๆ ยังคงต้องรับมือกับความทรมานอันเกิดจากการสูญเสียเหมือนกัน
จะบอกว่าเป็นนิยาย Feel Good ร้อยเปอร์เซ็นเลยก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก แต่หากได้อ่าน เราจะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับตัวละครทั้งหมดในเรื่องและจะได้จับมือกับก้าวผ่านอุปสรรคครั้งสำคัญของชีวิตนี้ไปพร้อมๆ กัน
มาอ่านและทำความเข้าใจไปด้วยกัน ว่า “เมื่อเราต้องสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไป ชีวิตของเราที่เหลืออยู่จะมีรสชาติอย่างไร ” กับหนังสือเรื่อง ขนมปังของวันนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน
ขอบคุณรีวิวจากคุณ 85mm ด้วยนะครับ หนังสือ ขนมปังของวันนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน นี้น่าจะช่วยให้หลายๆ คนสามารถก้าวผ่านความเจ็บปวดและบาดแผลในอดีตไปได้ ด้วยเรื่องราวตัวละครที่สอนให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเจ็บปวดเหล่านั้น แม้ไม่ได้หายไปแต่เราก็ต้องดำเนินชีวิตและเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นกำลังใจดีๆ ให้กับทุกๆ คนที่ได้เปิดอ่านนะครับ