ร่วมกอบกู้หนังสือไปกับ แมวส้ม ที่พูดได้และหนุ่มเนิร์ดทายาทร้านหนังสือเก่า ใน นิยายแปล สัญชาติญี่ปุ่นสไตล์ Feel Good อบอุ่นหัวใจ “ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ” นิยายแปล ที่มีเนื้อหามุ่งเน้นไปที่การสื่อความหมายและคุณค่าของการอ่านหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวกับผจญภัยผ่านเจ้า แมวส้ม และหนุ่มเนิร์ดคนนี้นอกจากชาวหนอนหนังสือไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้แล้ว บรรดาทาสแมวทั้งหลายก็ไม่ควรพลาดความน่ารักของเจ้าแมวส้มตัวนี้เช่นกัน บทความรีวิวโดยคุณ 85nm ที่มาจะมาแชร์ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่านเรื่องราวของแมวส้มและหนุ่มเนิร์ดคนนี้
Book Review ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ
กราบสวัสดีเพื่อนๆ ทุกท่านและนักอ่านทุกคน วันนี้กระผมจะมารีวิวหนังสือเรื่อง ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ The Cat Who Loved to Protect Books [本を守ろうとする猫の話] จากสำนักพิมพ์น้องใหม่อย่าง Biblio Publishing หรือใครอาจจะคุ้นเคยในชื่อ Bibli ก็ไม่แปลกครับ
‘มนุษย์ซื้อหนังสือมาประดับประดาตัวเอง อ่านมันเพื่อหาความรู้ใส่ตัวเองอย่างสะดวกสบาย แล้วก็ทิ้งขว้าง เอาแต่วางหนังสือเทินไว้เป็นกองสูงแล้วยืนมองอยู่ห่างๆ’
P193 ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์
เรียกได้ว่าเป็นสำนักพิมพ์มาแรงและมีแนวทางเฉพาะที่โดดเด่นมากจริงๆ เพราะปกตินึกถึงนิยายแนวนี้ เราคงนึกถึงงานแปลจาก น้ำพุสำนักพิมพ์ อย่างเรื่อง ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ ที่เรียกว่าขายดีติดอันดับขายดีแล้วขายดีอีกหรือจะจากแพรวนิยายแปลบางเรื่องที่หลังๆ ก็หันมาจับแนวอุ่นๆ Feel Good กันมากขึ้นเหมือนกัน
เอาล่ะเข้าเรื่องเลย เนื้อหาที่จะเล่าต่อไปนี้อาจจะสปอยบางส่วนของเนื้อหานะครับ แต่บอกเลยว่านิยายเรื่องนี้ถึงจะมาอ่านสปอย ก็ไม่สนุกเท่าอ่านเองจริงๆ เพราะมีรายละเอียดหรือจะอารมณ์บางอย่างถ้าไม่ได้อ่านเองก็จะจับไม่ได้เหมือนกันนะ
ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ The Cat Who Loved to Protect Books [本を守ろうとする猫の話] เรื่องราวพูดถึง ‘รินทาโร่’ เด็กหนุ่มเก็บตัว เหยาะแหยะ ไร้ความมั่นใจ เมื่อสูญเสียคุณปู่ไปต้องอาศัยตัวคนเดียวและสุดท้ายจะต้องย้ายไปอยู่กับคุณป้า สิ่งเดียวที่ปู่ของรินทาโร่ทิ้งไว้ให้ก่อนจากไปคือร้านหนังสือมือสองชื่อว่า ‘นัตสึกิ’ (ชื่อเดียวกับรินทาโร่ บอกเป็นนัยๆ ว่าสุดท้ายร้านนี้ก็จะอยู่ในความดูแลของเขา)
ร้านหนังสือ ‘นัตสึกิ’ แห่งนี้ เป็นร้านหนังสือสวนกระแสที่มีแต่หนังสือเก่าคลาสสิกหายากจะมีนักเขียนรุ่นเก่าแต่เก๋ามากมาย ที่บอกว่าสวนกระแสคงเพราะหนังสือเก่าหายากเหล่านี้เป็นหนังสือที่มีคุณค่าทางใจ แต่ไม่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการรายได้เข้ามาหมุนเวียน แต่ปู่ไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น เพราะเชื่อว่าหนังสือทุกเล่มมีคุณค่าและความสำคัญในแบบของตัวเอง
‘หนังสือที่เราอ่านแล้วไม่เข้าใจนั้นดีแล้ว เพราะหมายความว่าสิ่งที่เราอ่านอยู่นั้นเป็นเรื่องใหม่ๆ ที่ชีวิตเรายังไม่เคยเจอมาก่อน ยิ่งเราอ่านซ้ำก็ยิ่งได้เรียนรู้โลกมากขึ้น’
รินทาโร่ผู้ที่เหลือเพียงร้านหนังสือมือสองที่ปู่ทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้ากับสภาพจิตใจที่ยังไม่มั่นคงนัก ในวันหนึ่งได้พบกับแมวลายส้มที่เดินทะลุออกมาจากกำแพงและพูดแนะนำตัวว่ามันชื่อ ‘โทระ’ ใช่ครับแมวตัวนี้พูดได้ เพราะนี้คือนิยายแฟนตาซีไงล่ะ เจ้าแมวส้มมาพร้อมกับภารกิจที่จะต้องให้รินทาโร่เท่านั้นช่วยเหลือ นั่นคือภารกิจในการช่วยเหลือหนังสือจากเหล่าผู้ชิงชัง
ภารกิจที่รินทาโร่จะต้องทำ แบ่งเป็นทั้งหมด 3 ภารกิจหลักๆ และอีก 1 ภารกิจพิเศษ ในเรื่องเรียกว่า ‘เขาวงกต’ ที่เพื่อนๆ จะได้สนุกรู้สึกอินไปด้วยและมีประเด็นที่นิยายถามออกมาได้อย่างแทงใจดำนักอ่านเหลือเกิน
วงกตหลักที่รินทาโร่จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ในแต่ละด่าน เป็นตัวแทนคำถามที่นักอ่านเรามักถูกถามอยู่เสมอ เรียกได้ว่าอ่านแล้วถ้าเก็ตไอเดียคือ จุก ลิ้นชากันไปตามๆ กันเลยทีเดียว ผมสรุป Core Idea ของแต่ละวงกตไว้ให้สั้นๆ ตามนี้นะครับ
วงกตแห่งที่หนึ่ง : ผู้กักขัง
เจ้าบ้านแห่งนี้เปรียบเปรยคุณค่าของมนุษย์ เท่ากับจำนวนหนังสือที่อ่าน ยิ่งอ่านเยอะคุณค่าของตัวเองก็เยอะตาม ฉะนั้นในด่านนี้คุณจะได้เห็นชายที่นั่งอ่านหนังสือวันละหลายสิบเล่ม อาทิตย์ละหลายร้อยเล่ม ปีละหลายหมื่นเล่ม โดยหนังสือที่เขาอ่านจบแล้วจะไม่นำกลับมาอ่านซ้ำและจับขังไว้ในตู้ลงกุญแจแน่นหนาดั่งสมบัติล้ำค่าอย่างหนึ่ง
‘ตู้พวกนี้ไม่ได้มีไว้วางหนังสือเล่มโปรด เป็นแค่ตู้โชว์ที่มีไว้อวดหนังสือที่ได้มาต่างหาก’
P52 ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ
วงกตแห่งที่สอง : ผู้ตัดฉับๆ
เจ้าบ้านแห่งนี้เป็นนักทดลองที่ใช้หลักการย่อคำและเทคนิคการอ่านเร็วทำให้ตนสามารถย่อยเนื้อเรื่องและใจความหลักไว้ได้ จากหนังสือหลายร้อยหน้า เราสามารถอ่านจบได้ภายในไม่กี่หน้า เทคนิคการตัดฉับๆ อันน่าเหลือเชื่อนี้ ทำให้เราหลงลืมความสนุกและจินตนาการที่ได้จากการอ่านไปหรือเปล่า
‘การอ่านหนังสือไม่ควรหวังแค่ความสำราญหรือความน่าตื่นเต้น บางครั้งเราต้องดื่มด่ำไปทีละประโยค อ่านเนื้อหาเดิมซ้ำไปซ้ำมาหรืออ่านช้าๆ พร้อมกับกุมขมับไปด้วย แบบนั้นจะช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เราแบบไม่ตั้งตัว เหมือนเวลาปีนเขาแล้วเห็นทิวทัศน์กว้างไกล’
P98 ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ
วงกตแห่งที่สาม : ผู้ขายดี
เจ้าบ้านแห่งนี้ทำธุรกิจ ตั้งตนเป็นหนึ่งในสำนักพิมพ์ที่ขายดีที่สุด ด้วยหลักการ ‘ขายสิ่งที่ขายได้ และเป็นหนังสือที่สังคมต้องการ’ บอสใหญ่ของที่นี่เชื่อว่าหนังสือคือ ‘สินค้าเพื่อการบริโภค’ ทำแบบนี้ธุรกิจถึงจะดำเนินต่อไปได้ การขายหนังสือเก่า คร่ำครึ มีแต่จะเสียเวลา แถมขายไม่ได้อีกต่างหาก สิ่งที่เขาเชื่อมั่นไม่ใช่การครุ่นคิดว่า ‘ควรบอกอะไรกับโลกใบนี้’ แต่เป็นการรู้ว่า ‘โลกอยากให้เราบอกอะไรต่างหาก’
การตัดสินคุณค่าของหนังสือไม่ได้ขึ้นอยู่กับความลึกซึ้งทางอารมณ์ แต่เป็นจำนวนตีพิมพ์ หมายความว่าในยุคปัจจุบันนี้ ‘เงินคือตัววัดคุณค่าของทุกอย่าง’
‘ในฐานะที่คุณเป็นคนผลิตหนังสือ แม้สถานการณ์จะไม่เป็นไปดั่งใจแค่ไหน ก็ห้ามเรียกหนังสือว่า ‘สินค้าเพื่อการบริโภค’ คุณควรตะโกนออกมาว่า ฉันชอบหนังสือ’
P153 ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ
ท่ามกลางการออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือและกอบกู้โลกของหนังสือในแต่ละเขาวงกตร่วมกับเจ้าแมวส้มลายเสือ ได้เปลี่ยนแปลงรินทาโร่ไปทีละนิดกับสถานการณ์ที่เขาเจอ ปัญหาที่ต้องแก้ไข ทำให้จิตใจที่กำลังหม่นหมองเพราะการจากไปของคุณปู่ เริ่มเปลี่ยนไปที่ละน้อย เป็นคนกล้ามากขึ้น ห่วงใยผู้อื่นมากขึ้นและเห็นความสำคัญของการใช้ชีวิตมากขึ้น
สรุปว่าหนังสือเรื่อง ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์ The Cat Who Loved to Protect Books [本を守ろうとする猫の話] เล่มนี้เป็นหนังสือฟีลกู๊ดอีกเล่มที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้อ่านกันและสุดท้ายไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน หนังสือยังคนเป็นเพื่อนคนสำคัญของเราเสมอ
‘สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมว ไม่เคยเห็นแก่ความสะดวกของมนุษย์อยู่แล้ว’
P120 ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ
ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ The Cat Who Loved to Protect Books [本を守ろうとする猫の話] เป็นหนึ่งในนิยายที่ชาวหนอนหนังสือไม่ควรพลาด เพราะการตั้งคำถามที่ตรงมายังกลุ่มคนที่ชอบอ่านหนังสือโดยตรง แน่นอนว่าหนังสือหนึ่งเล่มมีคุณค่าที่แตกต่างกันออกไปสำหรับแต่ละคน บางคนสนุกสนานกับเนื้อหาภายในเล่ม บางคนหนังสือเป็นเพียงขอสะสม บางคนหนังสือคือเพื่อนที่แสนวิเศษ เพราะฉะนั้นหนังสือทุกเล่มล้วนมีคุณค่าในตัวเองทั้งสิ้น มาสัมผัสมุมมองอื่นๆ ผ่านหนังสือเล่มนี้ไปด้วยกันครับ