ใครที่เป็นคอซีรีส์จีนโบราณคิดว่าคงจะพอผ่านตากับ ตำนานรักสองสวรรค์ (Ancient Love Poetry) กันมาบ้าง เพราะเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่เรียกได้ว่าได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยซีรีส์เรื่องนี้นั้นถูกดัดแปลงมากจาก นิยายจีนโบราณ ในชื่อเดียวกัน ด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรักแต่มีปมซ่อนเงื่อนพอให้ลุ้นติดตามเนื้อเรื่องไม่ดราม่ามากจนเกินไปเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ โดยวันนี้เราได้นำหนังสือต้นฉบับของ ตำนานรักสองสวรรค์ มารีวิวกัน โดยมีเพจ คุณชายรีวิวหนังสือ มาร่วมแชร์ประสบการณ์หลังจากได้อ่าน นิยายจีนโบราณ เรื่องนี้ว่าเนื้อสนุกและชวนติดตามขนาดไหน
นิยายจีนโบราณ ตำนานรักสองสวรรค์ ความรักที่ไม่ว่ากี่ชาติพบก็จะไม่เปลี่ยนไป
พอซีรีส์ออนแอร์แล้ว เราก็ได้โอกาสขุดขึ้นมาอ่านอีกรอบ ยังเป็นแนวเทพเซียนภาษาสวยเบอร์หนึ่งในใจ ใช้คำศัพท์ไม่ปวดหัว และยังรักมากเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือยิ่งเอามาอ่านซ้ำ เรายิ่งได้เก็บตกในรายละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะการวงปมหลักของเรื่องประหนึ่งเล่นซ่อนหาให้เราเดาทางแบบนึกไม่ออกว่าจะปิดจบอย่างไร ชายอยากให้เขาเขียนภาคต่อจัง ตัวละครบรรพเทพนอกจากพระนางที่เขาวางไว้ น่าติดตามม
คุณชายสายย่อเรื่อง
จุดเริ่มทุกอย่างเกิดขึ้นจาก ‘มหันตภัยหุนตุ้น’ เหตุการณ์ที่ทำให้เกือบสิ้นสามภพเมื่อหกหมื่นปีก่อน บรรพกาลซางกู่สังเวยร่างของตนดับสูญไปกับห้วงเวลาเพื่อคงไว้ซึ้ง สวรรค์ ภพมารและโลกมนุษย์ ครานั้น..มีชายชุดขาวร่ำไห้บนลานพิธี ใช้พันร้อยวาจาเพื่อรั้งบรรพกาลซางกู่ด้วยน้ำตาและความรู้สึกทั้งหมดที่มี แต่มิอาจหักห้ามให้บรรพกาลซางกู่เห็นแก่ความรู้สึกส่วนตน ยิ่งมิอาจเพิกเฉยต่อภาระอันยิ่งใหญ่นั้นได้ หลายหมื่นปีให้หลัง มหันตภัยร้ายหุนตุ้นมลายสิ้น ซ่างกู่ ไป๋เจวี๋ย เทียนฉี่ และจื้อหยาง สี่เทพบรรพกาลดับสลาย เหลือแต่เพียงตำนานกล่าวขาน ก่อนจะเข้าสู่ยุคมหาเทพสามองค์ กู่จวิน เทียนโฮ่วและเทียนตี้
นางเอกของเรื่อง “โฮ่วฉือ” เป็นบุตรธิดาของมหาเทพกู่จวินกับมหาเทพเทียนโฮ่ว ทว่านางกลับมีกลิ่นอายเทพเซียนแผ่ซ่านออกมาเพียงน้อยนิด แต่นางได้ครอบครองดวงชะตา ‘มหาเทพ’ คงอำนาจทัดเทียม กู่จวิน เทียนตี้ และเทียนโฮ่ว ซ้ำร้ายนางยังเกิดอยู่ท่ามกลางรอยร้าวระหว่างบิดามารดา ชนวนเหตุชิงภรรยาผู้อื่นเป็นของตน (เทียนตี้แต่งกับเทียนโฮ่ว พรากเทียนโฮ่วมาจากกู่จวิน)
กระทั่งหลายพันปีต่อมา…โฮ่วฉือได้กลายเป็นมหาเทพที่ทุกผู้ลืมเลือน สืบเนื่องจากนางไม่เคยปรากฎต่อหน้าสวรรค์ชั้นฟ้าเกือบหมื่นปี ครั้นได้ออกนอกเขตสถานพำนัก เรื่องราววุ่นวายทุกอย่างพลันบังเกิดขึ้น เสมือนด่านเซียนชั้นฟ้าให้นางฝ่าฟัน
– ประสบพบกับมารดาเดิมพร้อมพี่น้องต่างสายเลือด มีเพียงศักดิ์มหาเทพที่ช่วยให้นางยืนหยัดไม่ต้องก้มหัวให้ผู้ใด
– ตัวนางนั้นเป็นลูกที่มารดาทอดทิ้ง หรือ..เป็นใครกันแน่?
– ภายใต้ความรักฉบับ…..เดาทางไม่ออกว่าจะจบยังไง?
– ภายใต้ความหลัง 6 หมื่นปีที่ผ่านพ้น เกิดสิ่งใดขึ้นก่อนจะเข้าสู่ยุค 3 มหาเทพ
– ภายใต้เทพบรรพกาลฟื้นคืนกลับพร้อมกับความรักที่ซับซ้อนซ่อนปมจนเราคาดเดาไม่ถึง
– และมหันตภัยหุนตุ้น ที่บรรพสวรรค์ซางกู่พลีชีพปกป้องสามภพเอาไว้ กับสามบรรพเทพที่หายสาบสูญ มีสิ่งใดซ่อนเร้นอยู่เบี้องหลัง
คุณชายรีวิวสายวิเคราะห์
เรื่องนี้เนื้อหาหลักยืนพื้นอยู่ในแนวเทพเซียน-ความรักฉบับซับซ้อนระหว่างเทพด้วยกัน แล้วสะท้อนในเรื่องรักได้สวยงามชนิดที่ว่า….อ่านจบแล้วมีน้ำตาปราย ๆ ล้วนเกิดจากความประทับใจ
เรื่องนี้ขายอะไร? : ทุกอย่างมาตรงตามชื่อเรื่อง ‘ตำนานรักสองสวรรค์’ อยู่ในยุคปฐมบรรพกาล ฟ้าปางหลัง กับ.. ฟ้าปางใหม่ ฟ้าปางหลังคือยุคกำเนิดปฐมเทพ มีองค์เทพสี่ตัวละคร
– ซ่างกู่ (สตรีผู้อยู่เหนือทุกคน)
– ไป๋เจวี๋ย (นิสัยเย็นชามีรักมั่น)
– เทียนฉี่ (รูปโฉมล้ำมากปัญญา)
– จื้อหยาง (มากคุณธรรม)
สี่คนนี้อยู่ในระดับบรรพสวรรค์สูงกว่าเทพขั้นอื่น ซึ่งทั้ง 4 คนนั้นเป็นสหายกัน ทว่าเพราะอุบัติฟ้าตอนต้นเรื่องทำให้เทพทั้งสี่ผกผันมาอยู่ในฟ้าปางใหม่ เหมือนกับอีกภพหนึ่งที่มีแต่กลุ่มเทพทั่วไปอาศัยอยู่ ตรงนี้แหละถือว่าเป็นความน่าสนใจอย่างแรกสำหรับคนอ่าน เราจะไม่รู้เลยว่าบรรพเทพทั้ง 4 คนจากฟ้าปางเก่าสวมบทเป็นใคร และพวกเขาเองก็มีภารกิจส่วนตัวอยู่ร่วมร่วมด้วย อาทิ มหันตภัยหุนตุ้นหรือจุดสิ้นโลก ตลอดจนทั้งการปลุกให้คนผู้หนึ่งฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคนๆ นั้นเป็นใคร
หัวใจหลักของนิยายชุดนี้คือความรักสิบหมื่นภพของพระเอก ซึ่งเจ้าตัวอยู่ในตำแหน่งสี่บรรพเทพแห่งฟ้าปางหลัง ดูสูงส่งแต่ก็ยังต่ำกว่าคนที่เขารัก เขาจึงรับบทเป็นฝ่ายแอบรัก และโจทย์รักก็สมกับเป็นความรักของเทพแห่งปางบรรพ์ ไม่มีคำว่าง่าย
เริ่มจากนักเขียนบันดาลให้นางเอกมาเกิดใหม่ในช่วงหกหมื่นปีให้หลัง นางไม่มีความทรงจำของเทพองค์เดิม ไม่รู้ว่าตนเป็นใคร ถูกดูหมิ่นดูแคลนเรื่องความสามารถ พูดได้ว่าชีวิตมีแต่ปัญหา ทั้งยังหลอกให้คนอ่านดราม่าไปกับบทครอบครัว แม่หนีไปแต่งงานกับเทียนตี้(ผู้บัญชาสวรรค์) แล้วค่อยๆ ใส่ให้นางเอกสูญเสียทีละหนึ่งสิ่ง จากนั้นก็พรากทุกอย่างในชีวิตของนางไปจนเหลือตัวคนเดียว จุดชนวนให้นางเกิดความแค้น เพื่อปลุกให้นางตื่นขึ้นแล้วคืนสู่ตำแหน่งที่แท้จริง(คีย์ใหญ่ของเรื่อง) และคนที่ลงมือคือพระเอก มันเด็ดตรงนี้!!!
ความสนุกจึงบังเกิดตั้งแต่เราได้วิเคราะห์ตามบทเขียนของตัวพระเอก เหตุใดต้องดูร้ายทำให้นางเอกเกลียดและแค้นเคือง เขามีคำตอบวางไว้ให้เราตามหา ในเรื่องพระเอกจะพูดน้อยมาก น้อยจนเราเกลียดตัวละครตัวนี้ไปเลย เพราะเหมือนกับคอยสร้างความเข้าใจผิดแล้วให้เราเดาว่าเขาเลวจริงหรือหลอกกัน แล้วชายบอกได้เลยว่าพอถึงบทเฉลย จากเกลียดพระเอกนิดๆ จะกลายเป็นน้ำตาจุก แล้วเราจะรู้ความจริงทุกอย่างไปพร้อมกับนางเอก ทำไมพระเอกถึงต้องทำเช่นนั้น
จุดประทับใจในมุมของชาย ชายชอบตอนที่นักเขียนเล่าให้เราเห็นอีกมุมหนึ่งของพระเอกใจร้ายในช่วงยุคก่อนสิ้นฟ้าปางเก่า แม้เขาจะเป็นเทพแต่เขาก็เคยตกอยู่ในฐานะพระแอบ คอยนั่งอยู่ในธารป่าท้อ ครองเป็นเจ้าถิ่น ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้า เพราะมันเป็นมุมที่มองเห็นตำหนักหลังหนึ่งได้ชัดที่สุด แล้วเขาทำอยู่แบบนี้จนเวลาล่วงผ่านไปหนึ่งแสนกว่าปี ทุกคนต่างคิดว่าเขามีใจให้กับเพื่อนของนางเอกเพราะเขานั่งหันหน้าไปทางตำหนักเพื่อนของนางเอก
ความรักยังไม่ทันสมหวัง อีกทั้งยังไม่เคยได้บอกออกไปก็มามีเหตุให้คลาดกันเกือบชั่วชีวิต ดังนั้นพอมีโอกาสอีกครั้ง ท่านเทพหนุ่มของเราเลยทุ่มสุดตัวเพื่อคนที่เขารัก ซึ่งเจ้าบทความรักตรงนี้ มันดีมากจริงๆ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “เขาจะรักนางแบบนี้ ต่อให้ผ่านไปหนึ่งแสนปีก็ช่างปะไร นางใช้ชีวิตของนางไป ส่วนข้าก็รอของข้าไป”
อีกอย่างเลย ส่วนใหญ่ไฮไลต์ของธีมนิยายแนวเทพเซียนจะอยู่กับแท่นประหารเซียน หรือการฝ่าด่านเซียน แต่เรื่องนี้มีมากกว่านั้นสิบเท่า หรืออย่างตัวร้าย ยิ่งไม่ใช่ระดับนางสนม แต่เป็นมหาเทพด้วยกัน มันสุด!!
ทิ้งท้ายสไตล์คุณชาย
ผู้เขียน “ซิงหลิง” เหมือนกับตั้งใจทำเรื่องนี้มาเพื่อล้างใจคนอ่านที่ไม่ชอบแนวเทพเซียน เพราะปัญหาส่วนใหญ่ของหนังสือสายนี้คือศัพท์เฉพาะ เขาเลยใส่สำนวนภาษาให้เน้นอ่านง่าย ซึ่งบนความง่ายของเขา ไม่ใช่ใส่อะไรง่ายๆ มาขาย แต่มีอรรถรสเยอะมาก สำนวนภาษาสวย การบรรยายดี มาครบแบบลงตัว แล้วจุดเด่นของซิงหลิงคือชอบหลอกคนอ่าน บางครั้งไอ้น้ำตาที่เราเสียไปในแต่ละตอน เหมือนเราร้องไห้ฟรี อย่างการวางเส้นเรื่องให้เราเดากันอย่างไม่มีสิ้นสุด ปล่อยปริศนาเข้ามาเรื่อยๆ มารู้ดำรู้แดงกันจริงๆ ก็ตอนใกล้จบ ตลอดทั้ง 4 เล่มมันเลยเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายแบบประหนึ่งไบโพล่าร์ประทับร่าง ไม้เด็ดคือพระเอก ยกให้เป็นตัวเก็บความลับขนานแท้ ชายเลยอยากให้มองตัวละครตัวนี้ดีๆ อย่าเพิ่งเกลียดเขา เพราะเดี๋ยวจะกลับลำไม่ทัน
แล้วชายก็ชอบความยิ่งใหญ่ของตัวละครโฮ่วฉือ(นางเอก)สมกับคำบรรยายในหนังสือ ซึ่งนักเขียนคนนี้แปลกมาก เขาไม่ได้ใส่ความเยอะในการอธิบายเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม แต่เขามีบางอย่างทำให้เราติดตา อย่างต้นเรื่องสวมใส่เสื้อผ้าอะไรเรียบๆ ทั้งๆ ที่ครองตำแหน่งมหาเทพ แต่…พอพบกับคู่อริ สิ่งที่นางทำคือ..ฉันใส่แบบนี้ไม่ได้ เพื่อต้องการรักษาชื่อเสียงของมหาเทพผู้เป็นพ่อ เปลี่ยนจากไร้เดียงสาสู่ความผยองความไม่ยอมศิโรราบให้กับใครหน้าไหนแฝงรังศีอำมหิตข่มจนไม่มีใครเงยหน้ามองนาง ทำให้คนอ่านตื่นเต้นขนลุก เข้าถึงบารมีนางเอกเวลาแสดงตัวข่มทุกคน ยิ่งมาตอนกลางเรื่องไปแล้ว…ฐานะเปิดเผย เสื้อลายหงส์เพลิง รองเท้าปักลายมังกร มันขนลุกปนสะใจดีเวลาเห็นนางเอกยืนสยบ
นัยหนึ่งคือการชูความสัมพันธ์ของตัวละครร่วมบทหลักๆ อย่างสี่บรรพเทพ ซ่างกู่ ไป๋เจวี๋ย เทียนฉี่ จื้อหยาง หรือความรักของเฟิ่งหรั่นผู้อยู่ข้างกายนางเอกกับกู่จวินในฐานะพ่อ หรือตอนมี ‘เด็ก’ กับตัวสำคัญเข้ามาเพิ่ม หรือ..ความจำกัดความของคำว่าสหาย การปกป้องคนของตัวเอง ตลอดจนบทความรัก ชายมีแต่ความประทับใจมอบให้
ในส่วนของการแปล.. เขาใช้คำสวย เลือกคำโบราณเหมาะกับธีมเรื่อง กระทั่งฉากอธิบายถึงความยิ่งใหญ่ของปวงเทพ ความโดดเด่นของแต่ละตัวครหลักอย่างสี่บรรพเทพ ทุกอย่างมาชัดหมด ยกเว้นการใส่ ‘เวลา 15 นาทีผ่านไป’ มีหลุดๆ คำแบบนี้อยู่ ชายเจอแล้วขำอยู่นาน
เรื่องนี้รีวิวยาก…เขียนยาก บอกได้คำเดียวว่าเป็นหนังสือแนวเทพเซียนบนความรักที่คุ้มกับการอ่านมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
ระบบขั้นเทพ
(1)บรรพกาล – สูงสุด
(2)มหาเทพ – ฟ้าปางใหม่มีได้เพียงสามคน
(3)ซ่างจวิน – ขั้นสูงสุดของเทพทั่วไป
ขนาดตงหัวยังมียศแค่ซ่างจวิน
(ยศสูงสุดของเทพในยุคนั้น)
ขอบคุณรีวิวดีๆ จากเพจ คุณชายรีวิวหนังสือ ด้วยนะคะ หวังว่า ตำนานรักสองสวรรค์ จะถูกใจคอนักอ่านคอนิยายจีนโบราณนะคะ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนิยายที่พลาดไม่ได้เลยจริงๆ สำหรับผู้ชื่นชอบนิยายประเภทนี้ ด้วยเนื้อหาและปมที่ถูกแต่งและเรียบเรียงมาอย่างดีทำให้นักผ่านสามารถสนุกเพลิดเพลินได้ไม่ยากแน่นอนค่ะ