เรื่องราวของสงครามนั้นเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก แต่เชื่อว่าหลายๆ คนนั้นไม่สามารถเรียงลำดับเวลาหรือเข้าใจที่มาที่ไปของสงครามได้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในช่วงเวลาไหน หนังสือที่เราหยิบมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักในวันนี้ได้หยิบยกเรื่องราวสงครามมาบอกเล่าผ่านสิ่งของรอบตัวว่าสิ่งเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่ดำเนินสงครามอยู่ ทำให้เราสามารถเข้าใจถึงเนื้อหาของสงครามได้ง่ายผ่านสิ่งของเหล่านี้ เรียกได้ว่าเป็นหนังสือที่มีวิธีนำเสนอที่น่าสนใจแปลกใหม่น่าติดตาม โดยในวันนี้เพจ รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก จะมาบอกเล่าถึงเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจของหนังสือเล่มนี้กันใน รีวิว WORLD WAR TOOLS
รีวิว WORLD WAR TOOLS เรื่องราวของสงคราม ที่เล่าผ่านสิ่งของรอบตัว
ถ้าการเรียนเรื่องสงครามโลกเป็นเรื่องน่าเบื่อ ทำไมเราไม่ลองเรียนเรื่องสงครามโลกผ่านสิ่งของที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำสงครามดูล่ะ
หนังสือที่เราจะเอามาเล่าให้ทุกคนฟังวันนี้ จะมาเปลี่ยนการเล่าประวัติศาสตร์เเบบเดิม ที่จะชอบใช้เวลาเป็นที่ตั้ง เเล้วค่อยอธิบายว่าในเเต่ละเวลาเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาเป็นการเล่าโดยใช้สิ่งของเเต่ละชิ้นเป็นที่ตั้ง เเล้วค่อยทำให้เห็นว่าสงครามกระทบกับสิ่งของนั้นๆ ยังไง วันนี้รีวิวทุกอย่างที่อ่านออกจะพาทุกคนมารู้จักหนังสือที่มีชื่อว่า ‘WORLD WAR TOOLS สงครามโลกในสิ่งของ’ ค่ะ
ช่วงสงครามที่ถูกหยิบขึ้นมาเป็นเส้นเรื่อง คือ สงครามโลกครั้งที่สอง ถ้าใครเคยอ่านเรื่องสงครามโลกครั้งนี้มาก่อน จะรู้ว่ามีหลายประเทศมากที่เข้าร่วม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีชื่อบุคคลสำคัญหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้องอีก เราเลยอยากให้ทุกคนไปศึกษารายละเอียดคร่าวๆ ของสงครามนี้ก่อนที่จะมาอ่าน ถ้าจะให้เเนะนำเราว่าลองไปฟังคลิปสรุปสั้นๆ ตามยูทูปก็สะดวกดีค่ะ
ส่วนตัวเราลองมาทั้งสองเเบบ รอบเเรกเราอ่านเเบบที่ไม่ได้ไปทวนเรื่องสงครามมาก่อนเเละรอบสองเราไปอ่านทวนเรื่องสงครามมาก่อนเเล้วค่อยมาอ่าน จริงๆ มันก็อ่านได้ทั้งสองเเบบ เเต่เราว่าเเบบที่สองทำให้อ่านได้สนุกขึ้นมาก เพราะเราจะมีลำดับที่ชัดเจนในหัวเเล้วว่า เหตุการณ์ไหนเกิดก่อนหรือหลัง
ต่อมาเรามาพูดถึงเนื้อหาที่อยู่ในเล่มกันดีกว่า ด้วยความที่การเเบ่งบทใช้สิ่งของเป็นที่ตั้ง เนื้อหาในเเต่ละบทเลยจะไม่ค่อยมีความต่อเนื่องกันเท่าไหร่ สามารถอ่านข้ามบทไปมาได้โดยที่ไม่งง อีกทั้งเรายังชอบที่ผู้เขียนไม่ได้ใช้ภาษาที่เป็นทางการจนเกินไปเเละหัวข้อที่เอามาเล่า ก็เป็นหัวข้อที่เเปลกใหม่ เเบบที่เราไม่เคยเจอจากที่อื่นมาก่อน อย่างเช่น
(1) ภาพโมนาลิซ่าทุกวันนี้เป็นของจริงหรือของปลอม
ย้อนกลับไปในช่วงปี 1938 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีความเป็นไปได้สูงว่านาซีจะบุกยึดปารีส เมืองที่รู้กันดีว่าเป็นเมืองหลวงเเห่งศิลปะวัฒนธรรม พอรู้อย่างนี้ผู้อำนวยการของพิพิธภัณฑ์ที่ฝรั่งเศส เลยต้องเตรียมการขนย้ายภาพวาดโมนาลิซ่าเเละงานศิลปะหลายพันชิ้นไปยังที่ปลอดภัย จากนั้นการเดินทางของภาพวาดโมนาลิซ่า ก็กินระยะเวลาต่อถึงหกปี
ส่วนเรื่องราวว่าภาพนั้นย้ายไปที่ไหนบ้างเราจะขอข้ามไป จุดสำคัญที่เราอยากจะเล่าคือ ในระหว่างการเดินทางหนึ่งในวิธีที่ผู้อำนวยการของพิพิธภัณฑ์ ใช้เพื่อตบตาคนของนาซี คือการสร้างภาพวาดเลียนเเบบคุณภาพสูงขึ้นมา นี่เองเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงมาจนถึงปัจจุบันว่า ภาพโมนาลิซ่าที่จัดเเสดงอยู่ตอนนี้ เป็นของจริงหรือของปลอม
(2) การต่อสู้ด้วยลิปสติกสีเเดง
ในช่วงสงคราม ประเทศที่อยู่ตรงข้ามเยอรมันนิยมใช้การเเต่งหน้า เเต่งตัว มาเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ เนื่องจากฮิตเลอร์ผู้นำของเยอรมันมองว่า ผู้หญิงในอุดมคติควรสวยงามโดยปราศจากการตกแต่ง ผู้หญิงในฝรั่งเศษ อังกฤษ เเละสหรัฐ จึงนิยมใช้ลิปสติกสีเเดงมาเป็นเครื่องมือต่อต้านความเชื่อของฮิตเลอร์
(3) มหากาพของน้ำหอม CHANEL No.5
น้ำหอม CHANEL No.5 เป็นน้ำหอมที่สาวๆ ทั่วโลกชื่นชอบ เเต่สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้คือ น้ำหอมนี้เคยถูกใช้คานอำนาจระหว่างทหารนาซีกับนักธุรกิจฝั่งอเมริกา ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของน้ำหอมชาเเนลเกิดที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งหลังจากปล่อยขายได้ไม่นาน ก็ติดตลาดจนกลายเป็นที่นิยม เเต่ในตอนนั้นเจ้าของที่ชื่อชาเเนล อยากขยายธุรกิจไปที่ประเทศอื่นเเต่ไม่มีทุนมากพอ ชาเเนลเลยหันไปจับมือกับนายทุนชาวยิว จนสามารถส่งน้ำหอมไปขายที่ต่างประเทศได้สำเร็จ เเต่ถึงน้ำหอมจะประสบความสำเร็จ ชาเเนลกลับได้ส่วนเเบ่งยอดขายที่น้อย
เพราะเธอขายลิขสิทธิ์การผลิตน้ำหอมไปให้นายทุนชาวยิวในราคาที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ต่อจากนั้นชาเเนลเลยทำวิธีต่างๆ เพื่อทวงคืนสิทธิของเธอ เเต่เพราะความยาวของบทความนี้มีจำกัด เราเลยจะสปอยเรื่องของน้ำหอมชาเเนลไว้เเค่นี้ ส่วนที่เหลือเราอยากให้ทุกคนไปตามอ่านในเล่มต่อค่ะ
จุดเเข็งของหนังสือเล่มนี้ที่เห็นได้ชัดมากคือ การเล่าเรื่องสงครามที่ดูน่าเบื่อให้อ่านเเล้วไม่น่าเบื่อได้ ส่วนนึงมาจากการเปิดหัวข้อบทได้น่าสนใจ อย่างถ้าในบทนั้นจะเล่าเรื่อง “การผูกมิตรระหว่างทหารโซเวียตกับทหารสหรัฐ” เค้าก็จะไม่จั่วหัวมากตรงๆ เเบบนี้ เเต่จะใช้คำว่า “อยากสนิทต้องทำยังไง?: ส่องคู่มือเเนะนำการเป็นเพื่อนกับทหารโซเวียตของทัพสหรัฐ” มาเเทน เราว่าเเบบหลังมันดูน่าอ่านขึ้นมากเลย
ส่วนตัวเราเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือเเนวประวัติศาสตร์เท่าไหร่ ก็ยังสามารถอ่านเล่มนี้ได้สบายๆ อ่านเเล้วไม่ได้รู้สึกว่ากำลังอ่านตำราเรียนประวัติศาสตร์อยู่ เเต่มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนอ่านหนังสือความรู้ทั่วไปมากกว่า ซึ่งเราว่าหาได้น้อยที่จะเจอหนังสือเเนวประวัติศาสตร์ที่ย่อยมาให้เราอ่านได้ง่ายๆ เเบบนี้
อีกทั้งเราไม่อยากให้ทุกคนมองว่าเรื่องสงครามโลกเป็นเรื่องที่ไกลตัว เพราะสุดท้ายเเล้วร่องรอยหรือประเด็นความขัดเเย้งต่างๆ ที่เราเห็นในวันนี้ ล้วนเเล้วเเต่มีความเป็นมาจากสงครามในอดีตทั้งนั้น การเรียนรู้เรื่องในอดีตไว้จะทำให้เรามองโลกได้เข้าใจมากขึ้น เเต่ถ้าใครไม่รู้จะเริ่มศึกษาจากตรงไหน หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เราเเนะนำค่ะ
Favorite quote of a book : “จริงอยู่ว่าจดหมาย สายรัดฝีเข็ม ธงพระอาทิตย์ ไปจนถึงข้าวกล่อง เป็นสิ่งเล็กน้อยที่ไม่อาจสร้างความเปลี่ยนเเปลงที่ยิ่งใหญ่ในศึกสงคราม เเต่ก็เป็นสิ่งเล็กสิ่งน้อยเหล่านี้ที่บอกให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่า บรรดาทหารเเละพลเรือนหลายล้านที่สละชีวิตไปนั้นไม่ใช่เเค่ตัวเลขทางสถิติ เเต่เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตเเละจิตใจ” (หน้า 191)
Score Explanation
Writing Style: 8/10
เพราะผู้เขียนใช้ภาษาที่อ่านง่าย บวกกับเล่าเรื่องได้น่าสนใจ ทำให้อยากอ่านไปเรื่อยๆจนจบ
Time worthiness: 8/10
เพราะเนื้อหาในเเต่ละบทมีความยาวพอเหมาะกับเรื่องที่จะสื่อ
Content Usefulness: 8/10
เพราะการเข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์ จะช่วยให้เราอ่านข่าวเเล้วเข้าใจมากขึ้น เช่น เข้าใจว่าทำไมประเทศเกาหลีเเละญี่ปุ่นถึงทะเลาะกันมาจนถึงทุกวันนี้
และทั้งหมดคือรีวิว “WORLD WAR TOOLS สงครามโลกในสิ่งของ” หนังสือที่หยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามมานำเสนอผ่านสิ่งของรอบตัวที่เรามักพบเจออยู่บ่อยครั้งได้อย่างน่าสนใจ ทำให้เรื่องสงครามในอดีตดูเข้าใจไม่ยากและสามารถเรียงทามไลน์ได้ง่ายขึ้น ใครที่สนใจประวัติศาสตร์หากอยากเริ่มศึกษาดูเล่มนี้เป็นทางเลือกที่ดีเล่มหนึ่งเลยค่ะที่จะหยิบมาอ่านด้วยเนื้อหาความรู้สาระที่อัดแน่นไม่ผิดหวังแน่นอน สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเพจ รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก ที่นำหนังสือดีๆ แบบนี้มาแนะนำเราอีกเช่นเคยนะคะ