รีวิว ยังไม่ทันเข้างาน ก็อยากกลับบ้านแล้ว หนังสือที่เรานำมาฝากเหล่าคนทำงานทุกคนที่เปรียบเสมือนเพื่อนคุยให้ระบายความในใจของใครหลายๆ คนออกมา แน่นอนว่าช่วงเวลาแห่งการทำงานนั้นก็มีทั้งเรื่องราวดีๆ และเรื่องราวที่ชวนเหนื่อยใจปะปนกันไป เพราะฉะนั้นผู้เขียนเองก็ได้บอกเล่าเรื่องราวเของตนเองและที่ได้พบเจอหล่านั้นผ่านหนังสือเล่มนี้ให้เพื่อให้เป็นเหมือนเพื่อนรู้ใจแก่คนวัยทำงานทุกคนที่ได้หยิบจับมาอ่านกัน
รีวิว ยังไม่ทันเข้างาน ก็อยากกลับบ้านแล้ว
หนังสือ ยังไม่ทันเข้างาน ก็อยากกลับบ้านแล้ว เล่มนี้ กล่าวได้ว่าผู้เขียนเป็นพนักงานออฟฟิตขนานแท้ ทั้งยังเขียนหนังสือออกเพื่อเหล่าพนักงานออฟฟิตเช่นกัน และอย่างที่ผู้เขียนกล่าว หากคุณกำลังมองหาหนังสือที่เต็มไปด้วยคำพูดสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน หรือหนทางบรรเทาทุกข์จากการทำงานแล้วละก็ อาจไม่ใช่เล่มที่ตอบโจทย์นัก
คุณว็อนจีซูผู้เขียนต้องการเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความรู้สึกของเธอในฐานะพนักงานออฟฟิตที่ทำงานมาสิบกว่าปี เปลี่ยนงานมาหลากหลายตำแหน่ง หลายที่ พบเจออาารออฟฟิตซินโดรม ปวดหลัง เหนื่อยล้า ตื่นเช้ามาทำงาน เหมือนพนักงานออฟฟิตทั่วๆ ไป อ่านมาถึงจุดนี้คงพอเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อะไร
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เปรียบเสมือนเพื่อนที่เม้ามอยและกำลังพูดคุยระบายถึงสิ่งต่างๆ ที่พบเจอจากการทำงานในอาชีพพนักงานออฟฟิต ที่ผู้เขียนอยากส่งสารว่าไม่ใช่แค่คุณหรอกนะที่เจอเรื่องแบบนั้น ฉันก็เจอเหมือนกัน เพราะฉะนั้นความรู้สึกของหนังสือเล่มนี้เหมือนเพื่อนที่นั่งคุยกันและกำลังระบายความอัดอั้นหรือความทุกข์ เครียด จากการทำงานให้ฟังกันซะมากกว่า เป็นหนังสือที่เขียนออกมาให้ความรู้สึกราวกับสนทนากับใครบางคนอยู่ ใครที่อ่านๆ ไปแล้วเจอจุดที่ใช่ต้องมีนึกในใจบ้างแหละ “เออ ฉันก็เจอแบบนี้”
โดยหนังสือได้แบ่งออกเป็นบทใหญ่ๆ 4 บทและบทส่งท้ายหนึ่งบท
บทที่ 1 งานก็ได้แล้ว ทำไมเหนื่อยกันนะ
บทนี้กล่าวโดยภาพรวมได้ตามชื่อบทเลยค่ะ เพราะแม้เราจะได้งานหรือแม้กระทั้งงานนั้นเป็นงานที่เราอยากทำหรือใฝ่ฝันมาตลอด แต่พอเอาเข้าจริงก็ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่ทำให้เรารู้สึกความเครียด เหนื่อยล้า จนไม่อยากไปทำงานแม้แต่ความยากในการลุกจากที่นอนไปทำงานก็ไม่ได้ต่างเดิมสักเท่าไหร่นัก แล้วทำไมกันละถึงเป็นแบบนั้น
บทที่ 2 อยากเลิกหรืออยากเริ่มใหม่
บทนี้กล่าวถึงหนึ่งในจุดปลี่ยนการทำงานเลย นั้นคือ “ลาออก” แน่นอนการลาออกไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะไม่มีอะไรการันตีได้ว่าการลาออกจะทำให้ชีวิตดีขึ้น หรือเหตุผลจริงๆ ที่ทำให้เราลาออกจากงานเดิมคืออะไร จะออกดีมั้ย ออกแล้วจะเจอที่ที่ดีกว่านี้จริงๆ เหรอ เป็นส่วนที่ใครคิดจะลาออกต้องเจอกับคำถามเหล่านี้แน่นอน และจบบทด้วยประสบการณ์หลังจากลาออกแล้วว่าดีหรือแย่อย่างไร ให้ทุกคนนำไปประกอบการตัดสินใจของตัวเอง
บทที่ 3 ทำไปแล้วใครเห็นค่า
บทนี้กล่าวถึงคุณค่าในเชิงตัวบุคคล แน่นอนในการทำงานทุกคนมีทั้งความพยายามและตั้งใจ แต่บ่อยครั้งสิ่งที่คุณทำอยู่คุณยังกลับมาถามตัวเองเลยว่าทำไปแล้วจะมีใครเห็นจริงๆ เหรอ ยกตัวอย่างเช่นหากคุณทำงานหนักจนป่วยหรืออยู่จนดึกดื่น บริษัทเองก็ไม่ได้มองเห็นถึงความทุ่มเทและพยายามของคุณ แต่สิ่งที่มองเห็นคือผลงานของคุณเพียงเท่านั้นว่ามีความโดดเด่นหรือไม่ หากผลงานนั้นไม่โดดเด่นแม้คุณพยายามมากหรือน้อยบริษัทก็ไม่ได้มองเห็นในจุดนั้นอยู่ดี
บทที่ 4 เมื่อไหร่เราถึงจะมั่นคงนะ
ความไม่แน่นอนในอาชีพพนักงานออฟฟิตไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นสิ่งที่กลับสร้างความเครียดให้ใครหลายๆ คนไว้ไม่น้อย การเป็นพนักงานออฟฟิตนั้นเรียกได้ว่าต้องทุ่มเทและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ซึ่งในบทนี้ก็แสดงให้เห็นได้จากการที่ผู้เขียนกล้าที่จะตัดสินใจทำบางอย่างเพราะเชื่อว่าจะเป็นการยกระดับชีวิตตนเองขึ้นในการทำงานให้มีความมั่นคงกว่าเดิม
แต่ละบทเชื่อว่าแค่เห็นชื่อหลายคนก็ต้องรอ “ออ” แน่นอนเพราะเป็นคำถามที่พนักงานออฟฟิตหลายๆ คนต้องเคยถามตัวเองบ้างแหละ ตัวหนังสือเล่าเรื่องออกแนวเข้าข้างตัวเองตามที่ผู้เขียนบอกเพราะเป็นหนังสือที่ให้อารมณ์่เหมือนระบายถึงความเครียดหรือไม่พอใจออกมาให้เพื่อนสักคนฟัง ในบางบริบทเลยอาจจดูไม่มีเหตุผลบ้าง แต่เชื่อว่าใครที่เคยอยู่ในสถานการณ์กดดันที่ไม่ต่างกัน น่าจะเข้าใจความรู้สึกจุดนั้นได้ไม่ยากนัก
สุดท้ายนี้สำหรับใครที่สนใจ ยังไม่ทันเข้างาน ก็อยากกลับบ้านแล้ว ก็สามารถเข้ามาซื้อในรูปแบบอีบุ๊กได้ตามลิ้งค์เลย และอย่าลืมติดตามบทความดีๆ ได้ใหม่ที่ article.reeeed.com เรามีสิ่งดีๆ น่าสนใจเกี่ยวกับหนังสือมาอัพเดทให้นักอ่านทุกคนเสมอ เลือกจะ Read เลือก Reeeed นะคะ