เชื่อว่าเราทุกคนต่างก็เคยดื่มนมกันมาแล้วทั้งสิ้น นี่คืออาหารที่หล่อเลี้ยงชีวิตในวัยเด็ก แม้แต่ตอนเราโตขึ้นมานมก็เป็นแหล่งอาหารสำคัญที่มักอยู่คู่กับเราในทุกช่วงชีวิตหรือเป็นอาหารในยามจำเป็นต่างๆ เรื่อยมา แต่ใครเล่าจะรู้ว่านมนั้นมีประวัติศาสตร์และความเป็นมาน่าสนใจขนาดไหน เป็นอาหารที่อยู่มาเคียงคูอารยธรรมของมนุษเลยทีเดียวก็ว่าได้ ในวันนี้ Reeeed จะพาทุกคนไปรู้จักกับนมให้มากถึง ถึงต้นกำเนิด ความสัมพันธ์ระหว่างนมและมนุษย์ที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่คุณจะดาเเดาได้
ประวัติศาสตร์ของนม อาหารที่เราทานก่อนนับช่วงเวลา
นมเป็นเครื่องดื่มที่มนุษย์บริโภคมาตั้งแต่ยุคโบราณ ในยุคก่อนประวัติศาสตร์มีหลักฐานที่พบในขั้นตอนการทำของชาวแอราบที่ใช้เกรียงแก้วเพื่อคั้นน้ำนมจากสัตว์เพื่อบริโภค และยังพบหลักฐานการจัดเก็บน้ำนมจากโคในโบราณอียิปต์และอินเดียโบราณ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของการเริ่มต้นการบริโภคนมในประวัติศาสตร์โลก โดยคาดการว่ามนุษย์เราดื่มนมเป็นอาหารตั้งแต่เมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งเป็นระยะเวลาหลังจากการที่มนุษย์เริ่มเลี้ยงตัวเองและเริ่มเกษตรกรรม ริเริ่มเลี้ยงสัตว์เช่น โค และแกะซึ่งเป็นวัตว์ที่ให้น้ำนมในกสิกรรมเลยทีเดียว
การใช้นมเป็นอาหารมีความสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตและพัฒนาของมนุษย์ เนื่องจากนมเป็นแหล่งโปรตีนและสารอาหารอื่น ๆ ที่สำคัญสำหรับการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และพัฒนาสมองและระบบประสาทของทารก นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและปัจจัยอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทารก ทำให้การใช้นมเป็นอาหารเริ่มต้นสำคัญในการเติบโตและพัฒนาของมนุษย์
อุตสาหกรรมนม
อุตสาหกรรมโคนมมีการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อเทคโนโลยีการผลิตนมเช่นเครื่องจักรกลและเทคนิคการกำหนดมาตรฐานคุณภาพของนมได้รับการพัฒนา อุตสาหกรรมโคนมมีการขยายตัวมากขึ้นเพื่อสานความต้องการในการผลิตนมและผลิตภัณฑ์นมที่หลากหลาย เช่น นมเปรี้ยว, ชีส, เนย, และผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ในปัจจุบัน, อุตสาหกรรมโคนมเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญสูงในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีการผลิตนมจำนวนมากและการบริโภคนมสูง
จนกระทั่งในปี 1857 นักเคมีชาวฝรั่งเศสชื่อว่า Louis Pasteur ได้ทำการวิจัยและพัฒนากระบวนการที่เรียกว่า “พาสเจอร์ไรซ์” (Pasteurization) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในนม ทำให้นมสามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น และนำไปสู่การผลิตนมที่ปลอดภัยในอุตสาหกรรมอาหาร นำไปสู่การเพิ่มการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมที่หลากหลายในยุคต่อมา
การทำชีส
การทำชีสนั้นไม่สามารถระบุได้แน่ชัดถึงแหล่งที่มาอย่างจริงๆจัง แต่มีการพบบันทึกมากมายเกี่ยวกับการนำนมไปใส่ในกระเพาะของสัตว์และหลายเป็นก่อนแข็งในเวลาต่อมา การทำชีสนั้นปรากฎในหลายๆ วัฒนธรรม ทั้งยังมีรูปแบในการผลิตที่แตกต่างกันออกไปโดนขึ้นกับสภาพแวดล้อม วัตถุดิบและกระบวนการผลิด ตัวอย่างเช่น ในศตวรรษที่ 11 มีบันทึกการใช้นมทำชีสต์ในเครื่องในของสัตว์ของยุโรปมีการนำนมมาทำชีสต์เพื่อเก็บรักษาและนำไปใช้ในการเตรียมอาหารในช่วงที่ไม่มีการผลิตผลกินในฤดูหนาว หรือการค้นพบชีสของชาวเปอเซียหลังจากต้องดินทางเป็นระยะทางที่ไกลก็ได้นำนมไปใส่ไว้ในกระเพราะแพะและเมื่อถึงปลายทางก็ปรากฎว่านมจับตัวกันเป็นก่อน ทั้งมีกลิ่นและรสชาติที่แปลกไปแต่ก็เป็นที่ชื่นชอบของใครหหลายๆคน
แม่แต่ในปัจจุบันการนำนมมาทำชีสต์ก็ยังคงเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจและมีผู้ผลิตและผู้บริโภคมากมายทั่วโลก โดยมีการนวัตกรรมและพัฒนาในกระบวนการผลิตชีสต์ที่สามารถผลิตชนิดต่าง ๆ และมีรสชาติและลักษณะที่หลากหลายให้เลือกสรรได้ตามความต้องการของผู้บริโภค
การทำเนย
มีการคาดเดากันไว้ว่าการทำเนยนั้นน่าจะประสบความสำเร็จก่อนทำชีสมาแล้วนานมาก วิธีการทำเนยที่มีมาอย่างยาวนานและรู้จักอย่างกว้างขวางเช่นการทำเนยแบบทิเบต ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิคแยกไขมันและน้ำนมออกจากกัน ซึ่งยังไม่มีการบันทึกประวัติเริ่มต้นการใช้วิธีดังกล่าวอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม การทำเนยโดยการเก็บน้ำนมที่เกิดจากสัตว์เพื่อนำไปใช้ในการผลิตอาหารก็มีให้พบเห็นตามในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่เหมาะสมต่อเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์
ซึ่งก่อนหน้านี้นมและผลิตภัณฑ์จากนมเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญและสามารถใช้ในการผลิตอาหารยามตอนที่ไม่สามารถเก็บรักษาผลิตผลอื่นๆ ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ในยุคกรีกโบราณก็ยังมีการนำนมของกว่าง แพะ และวัวมาทำเนยและนำไปใช้เป็นอาหารเช่นเดียวกัน อาจมีกระบวนการทำเนยที่ใช้วิธีการเก็บเกี่ยวน้ำนมและนำไปใช้ในอาหารก่อนหน้านี้โดยไม่ใช้เทคนิคแยกน้ำมันและน้ำเนยอย่างชัดเจนแบบการทำเนยของทิเบต
ดังนั้นเราจึงสามารถเห็นได้ว่า นม เป็นอาหารที่มีบทบาทสำคัญไม่น้อยต่อการดำเนินชีวิตในอดีตของผู้คน นี่คือแหล่งอาหารที่อยู่คู่วัฒนธรรมของมนุษย์มานับหมื่นๆ ปีก็ดูจะกลล่าวไม่ผิดนักและสำหรับใครที่สนใจเรื่องราวของนมเราก็มีหนังสือน่าสนใจอย่าง นม! ความโกลาหลแห่งอาหารที่ยาวนานนับหมื่นปี จากสำนักพิมพ์ยิปซี ผลงานของ “มาร์ก เคอร์ลันสกี” แปลโดยคุณไอริสา ชั้นศิริ มาแนะนำกัน หนังสือที่จะพาเราไปรู้จักนมว่ามีที่มาอย่างไรและอยู่คู่มนุษย์มานานแค่ไหน
แนะนำหนังสือ นม! ความโกลาหลแห่งอาหารที่ยาวนานนับหมื่นปี โดย สำนักพิมพ์ยิปซี
“นักประวัติศาสตร์อาหาร มาร์ก เคอร์ลันสกี เป็นที่รู้จักจากการสำรวจลึกลงไปในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่เรื่องเกลือไปจนถึงเรื่องปลาค็อดและเรื่องหอยนางรม และผลงานเล่มล่าสุดของเขาก็สมศักดิ์ศรีนักวิจัยผู้จริงจังอย่างเขา นม! สำรวจลึกลงไปในเรื่องราวเกี่ยวกับนมในเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการปรุงอาหารที่ซับซ้อนที่สุดในโลกตั้งแต่ตำนานการสร้างของกรีก ไปจนถึงการพาสเจอร์ไรซ์สมัยใหม่”
สุดท้ายนี้สำหรับใครที่มองหาร้านหนังสือออนไลน์ก็อย่าลืมแวะเข้ามาที่ Reeeed.com นะคะ เรามีหนังสือมากมายรอให้คุณเข้ามาอ่านและเลือกซื้อทั้งหนังสือเล่ม , e book , นิยายรายตอน หรือใครที่ชื่นชอบการอ่านบทความทาง article.reeeed ก็มีบทความใหม่ๆ อัพเดทให้คุณอยู่เสมอ อย่าลืมเข้ามาอ่านกันนะคะ
ซื้อหนังสือ นม! ความโกลาหลแห่งอาหารที่ยาวนานนับหมื่นปี(E book)