หนึ่งในวิธีการพักผ่อนที่ง่ายและได้ผลดีมากๆ นั้นคือการ นอน นั้นเอง แต่กลับกลายเป็นว่าคนส่วนใหญ่นั้นนอนหลับอย่างไม่เพียงพอทั้งยังละเลยและมองข้ามปัญหาของการนอนไป ในวันนี้เราจึงได้หยิบเอาหนึ่งในหนังสือที่ให้ความสำคัญกับการนอนมารีวิวให้นักอ่านได้สัมผัสกันกับ “Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต” หนังสือที่ถูกเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการนอนที่นอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพยังส่งผลต่อด้านอื่นๆ ให้ดีตามไปด้วยเช่นกัน รีวิวโดยเพจ รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก ที่จะมาเล่าถึงความน่าสนใจของเนื้อหาบางส่วนในหนังสือเล่มนี้ใน รีวิว “Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต”
รีวิว “Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต” สิ่งสำคัญของการ นอน ที่หลายๆ คนไม่รู้และมองข้าม
สาเหตุส่วนหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ละเลยความสำคัญของการนอน เป็นเพราะที่ผ่านมาวิทยาศาสตร์ล้มเหลวที่จะอธิบายว่าทำไมเราต้องนอนหลับ ปัญหาการอดนอนเป็นปัญหาสำคัญที่กำลังถูกมองข้าม จนองค์การอนามัยโลกต้องประกาศว่าการอดนอนกลายเป็นโรคระบาดไปทั่วประเทศอุตสาหกรรม ดังนั้น ทุกคนจึงจำเป็นต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับการนอนที่เพียงพอเพื่อที่จะได้ไม่ละเลยมันอีก
วันนี้เราเลยจะมาแนะนำหนังสือที่จะเปิดเผยความจริงที่ต่างออกไปของการนอนหลับ ว่าที่จริงแล้วการนอนเกี่ยวพันกับสุขภาพมากกว่าที่เราคิดไว้ขนาดไหน หนังสือที่รีวิวทุกอย่างที่อ่านออกจะมาพูดในวันนี้มีชื่อว่า “Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต” ค่ะ
ก่อนอื่นอยากแนะนำให้รู้จักกับผู้เขียนก่อน ผู้เขียนชื่อคุณ แมตธิว วอล์กเกอร์ เค้าเป็นผู้อำนวยการศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การนอนหลับของมนุษย์ (Center for Human Sleep Science) และหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกที่เค้าเขียนหลังจากมีผลงานวิจัยตีพิมพ์มาแล้วกว่าร้อยชิ้น
ส่วนตัวเราว่าผู้เขียนนำเสนอแง่มุมต่างๆ เรื่องการนอนได้ค่อนข้างครบ ตั้งแต่เรื่องทั่วไปอย่างการนอนช่วยให้เราเรียนรู้ดีขึ้น ความจำดีขึ้นและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ แต่ประเด็นเหล่านี้ทุกคนน่าจะพอเคยได้ยินมาบ้างแล้วเลยจะขอไม่พูดถึง วันนี้จะมายกตัวอย่างเรื่องใหม่ๆ ที่ส่วนตัวเราพึ่งรู้จากหนังสือเล่มนี้และเชื่อว่าทุกคนน่าจะอยากรู้เหมือนกันมาเล่าให้ฟังแทนค่ะ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยเรื่องการนอนหลับอย่างที่คิด
เคยสังเกตไหมว่าทำไมวันหลังจากดื่มแอลกอฮอล์เราจึงมักอ่อนเพลีย เรื่องนี้เกี่ยวกับการนอนค่ะ เพราะหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ เราจะนอนแบบหลับๆ ตื่นๆ ซึ่งมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มันจะทำให้ร่างกายเราไม่ฟื้นตัวจนอ่อนเพลีย เเต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่จะจำไม่ได้ว่ามีอาการนี้ จึงไม่เคยมีใครสงสัยเลยว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของการอ่อนเพลียที่เกิดขึ้น
อีกเรื่องคือ การดื่มแอลกอฮอล์เพียงแค่ปริมาณปานกลางตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำ จะส่งผลต่อสมองจนไปยับยั้งการหลับฝันและยังไม่พอมันยังทำลายความจำของเราอีก มีการทดลองนึงที่เราว่าน่าสนใจ เค้าให้กลุ่มตัวอย่างจำข้อมูลที่ซับซ้อนในวันจันทร์และให้มาทดสอบความรู้อีกทีในสัปดาห์ต่อมา พบว่าคนกลุ่มที่ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอนในคืนวันจันทร์ เมื่อกลับมาทดสอบความรู้ใหม่ กลับลืมความรู้ที่เคยเรียนไปกว่า 50% ต่อไปใครที่กำลังเตรียมสอบหรือเตรียมพรีเซนต์งานสำคัญ คงต้องเลี่ยงแอกอฮอล์ให้ไกลแล้วล่ะค่ะ
ความฝันช่วยเยียวยาบาดแผลทางอารมณ์
มีทฤษฎีบอกไว้ว่า การฝันขณะหลับแบบ REM จะช่วยสลายอารมณ์ความเจ็บปวดจากเหตุการณ์แย่ๆ ได้ (ถ้าใครอยากรู้ว่าหลับแบบ REM คืออะไรอยากให้ไปตามอ่านต่อในเล่มค่ะ) ผู้เขียนได้ทดลองเอาคนสองกลุ่มมาดูภาพที่สะเทือนอารมณ์สองครั้ง แต่ต่างกันที่คนกลุ่มหลังจะได้นอนก่อนที่จะมาดูภาพครั้งที่สองต่อ ผลออกมาว่า คนกลุ่มหลังมีความรุนแรงของอารมณ์ที่ลดลงมากเมื่อกลับมาดูภาพเดิมอีกครั้ง
ผลการทดลองนี้บอกอะไร? อยากให้ทุกคนลองนึกความทรงจำวัยเด็กที่จำได้แม่นขึ้นมาหนึ่งเรื่อง สังเกตไหมว่าสิ่งที่เรานึกได้จะเหลือเเค่เรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่อารมณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับเรื่องราวตอนนั้นจะลดลงจนแทบไม่เหลือเลย คนส่วนใหญ่จะเชื่อว่ากาลเวลาเป็นสิ่งที่เยียวยาบาดแผลที่เกิดขึ้น ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ เพราะช่วงเวลาที่เราหลับแบบฝันต่างหากที่ช่วยเยียวยาอารมณ์ของเรา
ก่อนจบอยากชวนทุกคนมาคุยต่ออีกหน่อย ในเล่มนอกจากผู้เขียนจะพูดถึงคุณค่าของการนอนแล้ว เค้ายังเสนอแนวทางเเก้ไขเรื่องการนอนไว้ค่อนข้างน่าสนใจ จริงๆ ผู้เขียนเสนอไว้หลายเรื่องมาก แต่เรื่องที่เราจะยกมาก่อน คือ เรื่องการปรับความยืดหยุ่นในเวลาทำงานค่ะ
อยากให้เข้าใจก่อนว่าคนในสังคมมีรูปแบบการนอนที่หลากหลาย หลักๆ แบ่งได้เป็นมนุษย์เช้าและมนุษย์ค่ำ คนที่เป็นมนุษย์เช้าแค่หัวค่ำก็จะเริ่มง่วงแล้ว ต่างกับคนมนุษย์ค่ำที่เหมาะกับการนอนดึกตื่นสายมากกว่า ซึ่งปัญหาที่เจอ คือ สังคมมักจะทำกับคนกลุ่มมนุษย์ค่ำอย่างไม่ยุติธรรม
เรื่องแรก คือมักไปตำหนิว่าคนกลุ่มนี้ขี้เกียจเพียงเพราะว่าพวกเขาตื่นสาย ทั้งๆ ที่ความจริงพวกเขาไม่ได้เลือกเองว่าอยากตื่นสาย แต่เกิดจากพันธุกรรมที่ถูกกำหนดไว้ก่อนแล้วต่างหาก อีกประเด็น คือ เวลาทำงานปกติที่สังคมกำหนดขึ้นช่างไม่เข้ากับจังหวะชีวิตของคนกลุ่มนี้เอาซะเลย
ธรรมชาติของคนกลุ่มนี้จะบังคับให้ตัวเองนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำไม่ค่อยได้ กว่าจะหลับได้ก็ปาเข้าไปหลังเที่ยงคืน พวกเขาจึงมักตื่นสาย แล้วพอถูกบังคับให้ตื่นมาทำงานตอนเช้าเหมือนคนอีกกลุ่ม ผลปฏิบัติงานของพวกเขาในช่วงเช้าจึงต่ำกว่าระดับที่ดีที่สุดไปมาก และช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาที่คนกลุ่มนี้จะทำงานได้ดีก็กลับไม่ได้แสดงศักยภาพเพราะหมดเวลางานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นการไปบังคับให้คนกลุ่มนี้ตื่นเช้า ยังอาจไปทำให้คนกลุ่มนี้เกิดการอดนอนได้อีก เพราะธรรมชาติของพวกเขากว่าจะหลับลงได้ก็ดึกกว่ามาก
ดังนั้น พวกเราจึงควรมาคุยกันว่าจะช่วยคนกลุ่มนี้ยังไง โดยผู้เขียนเสนอให้ปรับเวลาทำงานเป็นแบบตัวยู (U) ให้ทุกคนรวมตัวกันแค่ช่วงเวลาหลัก คือ เที่ยงถึงบ่ายสาม ส่วนช่วงต้นและปลายของเวลาทำงาน ให้ปรับตามเวลาทำงานของแต่ละคนเลย เราว่าวิธีนี้น่าสนใจและถ้าทำได้น่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมได้มากเลยค่ะ
ส่วนตัวเราค่อนข้างชอบหนังสือเล่มนี้ เพราะไม่ค่อยเจอหนังสือที่เล่าเรื่องการนอนได้ละเอียดแบบนี้และหนังสือเล่มนี้ยังช่วยเปลี่ยนความเข้าใจผิดๆ เรื่องการนอนหลายเรื่องให้กับเราด้วยและสิ่งสุดท้ายที่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ทำสำเร็จแล้วก็คือ หลังจากอ่านจบเรากลายเป็นหนึ่งในคนที่ไม่อยาก “อดนอน” อีกต่อไปแล้วค่ะ 🙂
Favorite quote
การหลับไม่ใช่แค่ช่วงที่การตื่นหายไป แต่มีอะไรมากกว่านั้น (หน้า 159)
Score Explanation
Writing Style: 9/10
เพราะชอบที่ผู้เขียนเอาการทดลองมาช่วยยกตัวอย่างประกอบค่อนข้างเยอะ ทำให้การอ่านไม่น่าเบื่อเลย
Time worthiness: 8/10
หนังสืออาจจะเล่มหนาไปหน่อย จนอาจจะยากกับการอ่านจบในครั้งเดียว แต่ผู้เขียนก็ได้ออกแบบการลำดับเนื้อหาเอาไว้ให้ไม่ต้องอ่านเรียง สามารถข้ามไปอ่านเรื่องที่สนใจได้ก่อน
Content Usefulness: 10/10
เพราะการนอนเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรรู้ และการนอนหลับอย่างมีคุณภาพเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งตัวช่วยเลย
และทั้งหมดคือรีวิว “Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต” หนังสือที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการนอนว่ามีประโยชน์ต่อตัวเรามากมายขนาดไหน เชื่อว่าหลายๆ คนตระหนักได้ถึงความสำคัญของการนอนหลังจากได้อ่านรีวิวนี้และใครที่อยากจะรู้เนื้อหาโดยละเอียดก็อย่าลืมไปตามหาหนังสือมาอ่านต่อกันนะคะ และขอขอบคุณรีวิวดีๆ จากเพจ รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก ที่มาบอกเล่าความน่าสนใจภายในหนังสือเล่มนี้ให้เราได้ทราบกันและนักอ่านทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา สุดท้ายนี้นักอ่านหลายๆ ท่านอย่ามัวแต่อ่านหนังสือจนลืมใส่ใจกับการนอนและพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ