ความสัมพันธ์ในชีวิตแต่ละคนนั้นมีอยู่มากมานหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น เพื่อน คนรัก คนในครอบครัว ที่ทำงาน และความสัมพันธ์ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ส่งผลต่อความสุขในชีวิตเราไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่นๆ และในหลายๆ ครั้งเรามักจะมีความสัมพันธ์ที่ ‘Toxic’ หรือความสัมพันธ์แย่ๆ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบถึงความสุขและความรู้สึกในชีวิตแต่ละวันนี้ ในวันนี้เราได้นำหนังสือ ‘ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปเเล้ว’ ที่จะมาพาคุณไปเรียนรู้และหาทางรับมือกับความสัมพันธ์แย่ๆ เหล่านั้นไม่ให้กระทบกับการดำเนินชีวิตของคุณ รีวิวโดยเพจ รีวิวทุกอย่างทีอ่านออก ที่ได้หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านและจะมาบอกเล่าสิ่งดีๆ และน่าสนใจในหนังสือเล่มนี้ให้ทุกคนได้รู้กันในรีวิว ‘ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปเเล้ว’
‘ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปเเล้ว’ รับมือความ ‘Toxic’ ที่มาพร้อมกับความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ในชีวิต
ถ้าใครกำลังรู้สึก Toxic กับเรื่องความสัมพันธ์ในชีวิต เราอยากชวนมาอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยกันค่ะ ในทุกวันนี้ได้มีการนำคำว่า ‘Toxic’ ไปใช้ในบริบทที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Toxic Relationship, Toxic People หรือ Toxic coworkers ถ้าทุกคนลองสังเกตดูดีๆ จะพบว่า ‘Toxic’ มักจะถูกใช้รวมกับคำอื่นเพื่อสื่อถึงความสัมพันธ์ที่เเย่ เราว่ามันสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาเรื่องความสัมพันธ์เป็นปัญหาที่คนส่วนใหญ่กำลังกังวล ทั้งความสัมพันธ์กับคนรัก ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือเเม้กระทั่งความสัมพันธ์กับคนในโซเชียล
เเต่ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คงเป็นการเรียนรู้ที่จะปรับวิธีคิดของตัวเราให้ไม่ไปติดอยู่กับเรื่องเเย่ๆ เหล่านี้ วันนี้รีวิวทุกอย่างที่อ่านออกเลยจะพาทุกคนมารู้จักกับหนังสือที่พูดถึงวิธีการรับมือกับความรู้สึกไม่ดีในตัวเราที่มีชื่อว่า ‘ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปเเล้ว!’ ค่ะ
ตอนที่เราได้ยินชื่อหนังสือครั้งเเรก เราก็สงสัยเหมือนทุกคนว่าหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไรกันเเน่ เเต่พอได้ทำความรู้จักกับหนังสือเล่มนี้มากขึ้นก็เริ่มเข้าใจเเละกลับมองว่าชื่อนี้เเหละที่จะอธิบายความเป็นหนังสือเล่มนี้ได้ดีที่สุด ที่เราคิดว่าชื่อนี้อธิบายความเป็นหนังสือเล่มนี้ได้ดีที่สุด ก็เพราะว่าเนื้อหาโดยรวมของหนังสือจะพูดถึงวิธีการรับมือกับความรู้สึกไม่ดีที่ปกติเเล้วจะเกิดขึ้นเพราะคนอื่นมาทำไม่ดีกับเรา ซึ่งมันก็สอดคล้องกับชื่อหนังสือที่กำลังจะบอกเราว่า ขนาดคนที่ทำเรื่องเเย่ๆ กับเรายังไม่เเม้เเต่จะคิดถึงเรื่องที่ทำไม่ดีกับเราด้วยซ้ำ เเล้วเราจะมัวไปคิดมากกับเรื่องเเย่ๆ นี้อยู่ทำไม
สำหรับภาพรวมของเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะเเบ่งออกเป็นบทใหญ่ 4 บท เเละในเเต่ละบทก็จะเเบ่งออกเป็นหัวข้อย่อยๆ ที่มีเนื้อหาประมาณหัวข้อละ 1-3 หน้า อีกทั้งทุกหัวข้อย่อยจะมีการ์ตูนสั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ประกอบอยู่ เราว่าพอมีการ์ตูนเข้ามาทำให้หนังสือมีความน่าอ่านมากขึ้น เเละถ้านักอ่านมือใหม่คนไหนกำลังหาหนังสือที่อ่านง่ายๆ เพื่อฝึกตัวเองให้อ่านหนังสือ เล่มนี้เป็นตัวเลือกที่ดีเลยค่ะ
ต่อไปเราจะมาพูดถึงเนื้อหาทั้ง 4 บทให้ทุกคนฟัง โดยในทุกหัวข้อผู้เขียนจะเริ่มด้วยการอธิบายถึงปัญหาที่เค้าเจอก่อนเเล้วค่อยตามมาด้วยการเเนะนำวิธีเเก้ไขปัญหานั้นๆ
บทที่ 1 เรื่อง ความรู้สึกขุ่นมัวจากการเล่นโซเชียล
ในบทเเรกจะพูดถึงความรู้สึกไม่ดีต่างๆ ที่เกิดจากการใช้โซเชียลมีเดียซึ่งสามารถเกิดได้หลายรูปเเบบมาก ทั้งความรู้สึกกังวลเมื่อคู่สนทนาไม่ตอบกลับข้อความ, ถูกคนที่ไม่รู้จักมาคอมเมนต์เเย่ๆ หรือเเม้เเต่ความกังวลกับยอดไลก์มากเกินไปก็ทำให้เกิดปัญหาได้เหมือนกัน เราว่าหลายหัวข้อในบทนี้ผู้เขียนให้คำเเนะนำไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจค่ะ เช่น ในตอนที่ให้คำเเนะนำกับคนที่มักจะกังวลกับยอดไลก์อยู่ตลอดเวลา
ผู้เขียนได้ให้เเง่คิดไว้ว่า “ในชีวิตจริงเวลามีคนชมคุณ ที่ด้านล่างของรอยยิ้มก็ไม่ได้มีปุ่มถูกใจ ฉันเลยคิดว่าความรู้สึกถูกใจที่เเท้จริงเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นค่ะ” เราว่าประโยคนี้มันบอกอะไรได้หลายอย่าง ที่เเน่ๆ คือเรามองว่ามันสามารถสื่อให้เห็นว่ายอดกดไลก์ก็เป็นเพียงเเค่ตัววัดผลที่ถูกตั้งขึ้นมา มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตเรา ยังมีคำชมในชีวิตจริงอื่นอีกที่ไม่สามารถตีค่าออกมาเป็นตัวเลขได้
บทที่ 2 เรื่อง ความรู้สึกขุ่นมัวจากเรื่องความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
บทนี้ไม่ได้มีเเค่วิธีรับมือกับคนที่เราไม่ชอบ เเต่ยังมีวิธีการรับมือกับความกังวลว่าคนอื่นจะมองเราไม่ดีเเละวิธีรับมือกับความกลัวจะต้องเเยกจากกับคนสำคัญในชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เเล้วผู้เขียนจะเเนะนำให้เราปล่อยวางเเละให้อภัยกับเรื่องเเย่ๆ ค่ะ เพราะการที่เรามัวเเต่ไปกังวลเรื่องเหล่านี้มากเกินไปจะทำให้เราทั้งเสียเวลาเเละเสียสุขภาพจิตไปโดยเปล่าประโยชน์
บทที่ 3 เรื่อง ความรู้สึกขุ่นมัวในที่ทำงาน
ในส่วนนี้ผู้เขียนจะมาเเชร์ประสบการณ์จริงว่าตอนที่เจอกับปัญหาในที่ทำงาน อย่างเช่น ปัญหาความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานหรือในช่วงที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่บริษัทไม่ยอมให้ลาออกง่ายๆ ผู้เขียนใช้วิธีอะไรถึงผ่านพ้นปัญหาเหล่านี้มาได้
บทที่ 4 เรื่อง ความรู้สึกขุ่นมัวในใจตัวเอง
เนื้อหาในบทนี้จะค่อนข้างเเตกต่างจากบทอื่นตรงที่เป็นความรู้สึกไม่ดีที่มีสาเหตุจากความคิดของตัวเราเองทั้งหมดเลยค่ะ หัวข้อที่เราชอบจะเป็นตอนที่พูดถึงเรื่องความไม่มั่นใจในตัวเอง ในหัวข้อนั้นจะพูดถึงสิ่งที่คนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองมักจะชอบทำนั่นก็คือ การปฏิเสธในทันทีเมื่อได้รับคำชม
ซึ่งปกติเราจะมองว่าการทำเเบบนี้ก็คงไม่ได้ส่งผลเสียอะไรมาก เเต่ผู้เขียนได้ชี้ให้เราเห็นถึงผลกระทบที่เราไม่คาดคิดมาก่อน ว่าจริงๆ เเล้วการทำเเบบนี้ก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีได้เหมือนกัน เพราะถ้ามองในอีกมุมการถ่อมตัวมากเกินไปมันก็เหมือนกับเป็นการดูถูกคนที่ชมเราว่า ‘ดูคนไม่เป็น’
พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบก็มีข้อดีข้อนึงที่เราเห็นได้ชัดเจนมาก นั่นคือความไม่เหมือนใครของหนังสือเล่มนี้ค่ะ เพราะคำเเนะนำทั้งหมดเกิดจากประสบการณ์จริงของผู้เขียนที่ลองผิดลองถูกอยู่หลายวิธีจนหาวิธีที่ได้ผลที่สุดมาเขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งหมายความว่าเราจะไม่สามารถหาคำเเนะนำเเบบนี้ในหนังสือเล่มอื่นได้อีกเเล้ว การอ่านหนังสือเล่มนี้เลยทำให้เรารู้สึกเหมือนมาฟังคำเเนะนำจากเพื่อน
เเละท้ายที่สุดถ้าใครกำลังเจอปัญหาในลักษณะเดียวกับผู้เขียน เราอยากเเนะนำให้มาอ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะไม่เเน่ว่าคุณอาจจะเจอกับทางออกของปัญหาที่ไม่สามารถเเก้ได้มานานเเล้วก็ได้ค่ะ
Score Explanation
Writing Style: 7/10 เพราะผู้เขียนใช้ภาษาที่อ่านง่าย บวกกับมีภาพการ์ตูนประกอบเลยทำให้ยิ่งอ่านได้เพลินมากขึ้น
Time worthiness: 7/10 เพราะมีการนำเสนอเนื้อหาในเเต่ละบทได้กระชับดี
Content Usefulness: 8/10 เพราะปัญหาที่ถูกพูดถึงในหนังสือเล่มนี้เป็นปัญหาที่คนส่วนใหญ่จะต้องเคยเจอ
เเละคำเเนะนำที่ผู้เขียนให้มาก็สามารถนำไปใช้ได้จริง
ทั้งหมดคือรีวิวหนังสือ “ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปเเล้ว” หนังสือที่จะมาบอกเล่าวิธีในการรับมือร่วมไปถึงจัดการความรู้สึกของตัวเรา เมื่อเราต้องเผชิญกับความ ‘Toxic’ ที่เข้าไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะสามารถปล่อบว่างและแก้ปัญหาได้ดีขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้าอย่างแน่นอน และต้องขอบคุณเพจ รีวิวทุกอย่างทีอ่านออก ที่มาแชร์ความน่าสนใจของเนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้กันด้วย สุดท้ายนี้อย่าลืมดูแลสุขภาพจิตดีๆ เพื่อความสุขในชีวิตที่เพิ่มขึ้นนะคะ