สำหรับแฟนๆ นิยายจีนกำลังภายในไม่มีใครที่จะไม่เคยได้ยินนามปากกา “หวงอี้” เพราะนี่คืออีกตำนานที่ยังคงสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านในทุกเรื่องอย่างไม่เสื่อมคลาย ด้วยเอกลักษณ์ที่เป็นลายเซ็นเฉพาะเพียงแค่อ่านก็รู้ทันทีว่าคนแต่งคือใครโดยเฉพาะ นิยายกำลังภายใน ที่ผสมผสานกับวิทยายศาสตร์ร่วมสมัย แถมแต่ละเรื่องยังมีเสน่ห์ชนิดหาตัวจับยากอีกด้วย แม้ร่างกายของเขาจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ขอย้อนประวัติถึงบุคคลที่โลกของคอนิยายจีนแทบทุกคนต้องจารึกเอาไว้ รวมถึงผลงานที่โดดเด่น 2 เล่มที่เราอยากแนะนำ
ย้อนรำลึกประวัติของ “หวงอี้” นักเขียนนิยายระดับตำนาน
“หวงอี้” คือ นามปากกาของนักเขียนนวนิยายแนววิทยาศาสตร์ผสานความเป็นกำลังภายในชาวฮ่องกง ซึ่งเจ้าตัวมีชื่อจริงว่า หวง จู่เฉียง เกิดในช่วงปี ค.ศ. 1952 หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจีนฮ่องกง ในคณะศิลปกรรมศาสตร์ ก็เริ่มต้นเข้าทำงานกับสำนักงานฮ่องกงอาร์ต ดีเวลล็อปเมนต์ เคาน์ซิล ด้วยทักษะ ความเก่ง และความสามารถที่เขามีจึงสร้างผลงานเอาไว้อย่างน่าประทับใจจนเลื่อนขั้นสู่ตำแหน่งรองผู้อำนวยการ
แต่ลึกๆ แล้วตัวของ “หวงอี้” คนนี้หลงรักในการเขียนนิยายเป็นอย่างมาก ทำให้ในปี ค.ศ. 1987 เขาเริ่มต้นเขียนนิยายแนวกำลังภายใน ซึ่งเป็นการเขียนที่คู่ไปกับนิยายแนววิทยาศาสตร์ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนและความสำเร็จจากแนวทางนิยายในแบบแรกส่งผลให้เจ้าตัวตัดสินใจเลือกการเขียนนิยายกำลังภายในแค่แบบเดียวเท่านั้น ซึ่งเรื่องแรกของนิยายกำลังภายในที่เจ้าตัวรังสรรค์ออกมาคือ “เทพทลายนภา”
จากนั้นก็มีอีกหลายเรื่องที่ล้วนได้รับความนิยมจากบรรดานักอ่านทั้งสิ้น แต่เป็นที่น่าเสียดายมากๆ เมื่อเจ้าตัวต้องเสียชีวิตลงในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2017 ณ โรงพยาบาลในฮ่องกง ด้วยโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน รวมอายุทั้งสิ้น 65 ปี และเหลือนิยายเรื่องสุดท้ายคือ เหยี่ยวมารสยบสิบทิศ ที่เจ้าตัวยังเขียนไม่จบ เดิมทีกำหนดไว้ที่ 36 เล่ม แต่เมื่อเขียนไปเพียง 22 เล่ม ก็เสียชีวิตก่อน จึงทำให้เนื้อเรื่องจบลงแม้ไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่ก็ถือว่านี่คืออีกเล่มที่ควรค่ากับการหามาอ่าน
แนะนำ 2 นิยายกำลังภายใน ที่ผสมวิทยาศาสตร์ตามสไตล์ “หวงอี้”
1. เจาะเวลาหาจิ๋นซี
สำหรับนิยายเล่มแรกที่ขอแนะนำทุกคนแม้อาจยังไม่ใช่แฟนคลับของนิยายจีนกำลังภายใน แต่เชื่อว่าใครๆ ต่างก็ต้องคุ้นหูและรู้จักกับเรื่องนี้กันมาบ้าง เพราะมันคือเล่มแรกๆ ที่ช่วยสร้างชื่อเสียงสะท้านยุทธจักรให้กับเจ้าตัว ควรค่ากับการเปิดอ่านผ่านหนังสืออย่างยิ่ง
เรื่องราวของนิยายเล่มนี้พูดถึง “เซี่ยงเส้าหลง” ผู้ทำอาชีพตำรวจหน่วยพิเศษแห่งศตวรรษที่ 21 เขาได้เลือกตัดสินใจนั่งกระสวยกาลเวลาเพื่อต้องการย้อนอดีตย้อนกลับไปในยุคสมัยโบราณเพื่อหวังให้ตนเองพบเจอกับหญิงสาวที่หลงรัก แต่เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเพราะการย้อนเวลาของเขามันดันมีข้อผิดพลาดบางประการ ส่งผลให้แทนที่จะได้พบกับสาวงามที่ตนเองใฝ่ฝันกลับต้องถูกย้อนไปสู่ประวัติศาสตร์ในยุคสมัยจิ๋นซี ฮ่องเต้อิ่งเจิ้ง ซึ่งในเวลาต่อมาก็คือ “จิ๋นซีฮ่องเต้” เพียงแค่ยุคที่เขาย้อนไปยังไม่ใช่ช่วงที่พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ เล่นเอา “เซี่ยงเส้าหลง” ถึงกับงงไปเลยว่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
แต่ในเมื่อเรื่องราวมันเกิดขึ้น สิ่งที่เจ้าตัวทำได้ก็คือต้องใช้ชีวิตและหาวิธีที่จะกลับไปยังช่วงเวลาที่เขาต้องการ ในระหว่างนั้นเองมันก็มีเรื่องราวอันแสนน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเมื่อ “อิ่งเจิ้ง” ที่ยังไม่ได้ถูกสถาปนาให้เป็นจิ๋นซีฮ่องเต้ ถูกจับเป็นตัวประกันของแคว้นจ้าวและด้วยอะไรบางอย่างหาก “เซี่ยงเส้าหลง” ต้องการย้อนเวลากลับไปยังโลกปัจจุบัน สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้คือต้องรีบเข้าไปให้ความช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ “อิ่งเจิ้ง” ได้รับอันตราย เขาได้ตัดสินใจออกตามหาและมีเป้าหมายที่จะทำให้ชายผู้นี้ก้าวขึ้นสู่การเป็นฮ่องเต้แบบสมบูรณ์
แค่เนื้อเรื่องย่อของเล่มนี้ก็ขอบอกว่าน่าสนุก ตื่นเต้นและมีความแฟนตาซีกันแล้ว ใครยังไม่เคยอ่านแนะนำต้องรีบหามาครอบครองเพื่อเป็นเจ้าของโดยด่วน ยิ่งเปิดแต่ละหน้า ไล่กันทุกตัวอักษร ยิ่งเพลินจนวางไม่ได้ แถมปัจจุบันมีวางขายในรูปแบบอีบุ๊คสะดวกสบาย ไม่ต้องพกหนังสือเป็นเล่มอีกต่างหาก รู้แบบนี้จัดไปเลย!!!
2. เหยี่ยวมารสยบสิบทิศ
หนังสือเล่มต่อมาที่อยากแนะนำให้ทุกคนอ่านจากฝีมือการเขียนของ “หวงอี้” ซึ่งต้องบอกว่าเล่มนี้มันมีความพิเศษตรงการเป็นเล่มสุดท้ายที่เจ้าตัวได้เขียนเอาไว้และยังไม่ทันเขียนเสร็จดีก็เสียชีวิตไปก่อน ตามแผนที่วางเอาไว้คือการเขียนให้ครบ 36 เล่ม แต่ทำได้เพียงแค่เล่มที่ 23 บทแรก ท้ายที่สุดสำนักพิมพ์จึงนำเอาบทแรกดังกล่าวมารวมไว้ในเล่ม 22 และจบบริบูรณ์ไปเลย
ผลงานเรื่องนี้คือภาคสุดท้ายสำหรับตระกูลไตรภาคถังรุ่งเรือง ใครที่กลัวว่าตนเองจะสับสนกับเนื้อเรื่อง ขอเกริ่นว่าเนื้อเรื่องเป็นการสานต่อจากผลงาน “เหยี่ยวมารสะท้านสิบทิศ” และ “เหยี่ยวมารสัปประยุทธ์สิบทิศ” ใครยังไม่เคยอ่านแล้วกลัวไม่เข้าใจลองย้อนกลับไปใน 2 เรื่องนั้นก่อนก็ไม่มีปัญหาหลังจากมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นชนิดตั้งรับแทบไม่ทัน เพราะมันช่างวุ่นวายไปหมด ท้ายที่สุด “พระนางบูเช็คเทียน” ก็ได้ตัดสินพระทัยของตนเองที่จะลงจากบัลลังก์ พร้อมทั้งเก็บตัวเงียบไว้สำหรับหาทาง “ทลายนภา” แล้วจากไปเหมือนเช่น “เอี้ยนเฟย”
ส่งผลให้แผ่นดินของจีนมีการผลัดเปลี่ยนจากการปกครองของราชวงศ์โจวแล้วกลับมาสู่การปกครองของราชวงศ์ถังอีกคำรบ หรือจะเรียกว่าจากตระกูลอู่กลับสู่ตระกูลหลี่ ก็คงไม่ผิดนัก เรื่องราวมันคงไม่ซับซ้อนอะไรนักหากในระหว่างช่วงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวกลับมีภยันตรายต่างๆ รวมถึงอุปสรรคแบบคาดไม่ถึง ทั้งเรื่องสหพันธ์แม่น้ำใหญ่, กองทัพถูเจี๋ย หรือแม้แต่คลื่นใต้น้ำภายในที่ก่อขึ้นอย่างลับๆ “หลงอิง” ซึ่งถือเป็นเทพอธรรมและเปรียบได้กับการเป็นเสาค้ำยันแห่งยุคสมัย
ความน่าติดตามคือ เขาผู้นี้จะสามารถพลิกเรื่องราวที่กำลังเกิดความวุ่นวายโดยเฉพาะการแก่งแย่งชิงดีของยุคสมัยให้กลับคืนสู่ความสงบสุขได้อีกครั้งหรือไม่? คำตอบคงหนีไม่พ้นการเปิดอีบุ๊คเล่มนี้แล้วนั่งอ่านกันได้เลย สนุกทุกตัวอักษรอย่างแน่นอน!!!
และนี่เป็นเพียง 2 ผลงานที่ถือเป็นส่วนหนึ่งจากอีกหลายเรื่องที่ “หวงอี้” ได้เคยฝากผลงานเอาไว้ให้ทุกคนได้อ่านกัน ด้วยลายเซ็นที่มีเอกลักษณ์ สไตล์งานเขียนที่ฉีกแปลกแนวจากนักเขียนกำลังภายในท่านอื่นๆ ผลงานของห่วงอี้จึงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน ใครที่สนใจก็อย่าลืมไปหาอ่านกันให้ได้นะคะและหลายๆ เรื่องเองก็ถูกจัดทำเป็นนิยายรายตอนออนไลน์หรืออีบุ๊คส์ หาซื้อง่ายอ่านสะดวกทุกที่เลย สำหรับใครที่มองหาแพลตฟอร์มหนังสือหรือนิยายออนไลน์น่าสนใจ อย่าลืมแวะมาที่ Reeeed.com นะคะ เรารวบรวมหนังสือดีๆ นิยายโดนๆ ไว้ให้ทุกคนได้เลือกอ่านกันอย่างจุใจ รับรองความเพลิดเพลินจนลืมออกจากเว็บแน่นอน