หากได้ลองเดินไปเดินตามร้านหนังสือเรามักพบมุมหนังสือญี่ปุ่นที่มีผลงานแปลของนักเขียนชาวญี่ปุ่นวางเรียงรายมากมาย และหนึ่งในรายชื่อนักเขียนชาวญี่ปุ่นนาม ฮารูกิ มุราคามิ (Haruki Murakami) เป็นอีกชื่อที่เราพบเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง เป็นหนึ่งในสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของผลงานจากนักเขียนผู้นี้ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ยิ่งถ้าเป็นคอหนังสือตัวจริงก็จะรู้ว่าเขาเป็นนักเขียนญี่ปุ่นวัย 71 ปีที่โด่งดังไปทั่วโลกด้วยผลงานการเขียนที่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นนวนิยาย บทความ รวมทั้งงานเขียนที่เป็น non fiction และผลงานเหล่านั้นได้รับการนำไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศอีกถึงกว่า 50 ภาษาด้วยกัน มาทำความรู้จักกับ ฮารูกิ มุราคามิ อะไรคือสาเหตุผลงานของเขาจึงครองใจผู้คนมากมายพร้อมผลงานส่วนหนึ่งที่เราอยากแนะนำให้คุณได้ลองสัมผัส
ประวัติของ ฮารูกิ มุราคามิ นักเขียนผู้รักสันโดษ
ฮารูกิ มูรากามิ นักเขียนที่ครองหัวใจเหล่านักอ่านไว้มากมานนักเขียนขี้เหงาผู้นี้เกิดในปี 1949 ที่จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ในยุคที่โลกเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อและแม่ของมูรากามิเป็นครูสอนวิชาวรรณกรรมญี่ปุ่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะได้รับอิทธิพลความรักการอ่านมาจากใคร นอกเหนือจากการที่พ่อของเขามีส่วนร่วมในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองและได้สร้างบาดแผลในใจของพ่อแล้ว เขาเองก็ใช้ชีวิตวัยหนุ่มในช่วงที่ลัทธิมาร์กซิสได้รับการเผยแพร่เข้ามาในญี่ปุ่นเช่นกัน อันส่งผลต่อความเชื่อและศรัทธาของคนรุ่นใหม่ในยุคนั้นค่อนข้างมาก จนทำให้เรามักเห็นตัวละครที่มีบุคลิกแปลกแยก สับสน และโหยหาความรักจากหนังสือของเขาอยู่เสมอๆ
ส่วนชีวิตในวัยเด็กของมูรากามินั้น ได้รับอิทธิพลอย่างสูงจากวัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะด้านดนตรีและวรรณกรรม การที่เขาโตมากับการอ่านวรรณกรรมทุกประเภทของนักเขียนตะวันตก ทำให้ให้ลักษณะงานเขียนของเขาต่างจากนักเขียนญี่ปุ่นคนอื่นๆ อย่างชัดเจน งานเขียนญี่ปุ่นส่วนใหญ่นั้นจะให้ความสำคัญอย่างมากกับความงามของภาษา รูปแบบการเขียนจึงดูเข้มงวดและเย็นชาไปบ้าง ขณะที่งานเขียนของมุรากามินั้นจะมีรูปแบบที่เป็นอิสระและมีความลื่นไหลของภาษามากกว่า
ในด้านการศึกษ มุรากามิเรียนจบในด้านวิชาการละคร ภาควิชาวรรณคดี จากมหาวิทยาลัยวาเซดะในโตเกียว หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาก็เปิดบาร์เล็กๆ โดยใช้ชื่อว่า ปีเตอร์ แคท ที่เล่นดนตรีแนวแจ๊ส เราจึงมักจะมองเห็นว่าในงานของเขา มีดนตรีเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งอยู่ด้วยเสมอ
เพราะความเป็นคนสันโดษของมุรากามิ แม้ผลงานหนังสือต่างๆ ที่เริ่มโด่งดังตั้งแต่ Norwegian Wood เป็นต้นมา แต่เขาก็ไม่รู้สึกดีใจที่ต้องกลายเป็นที่สนใจสักเท่าไรนัก เขาไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มนักเขียนในญี่ปุ่นเลยและเลือกที่จะท่องเที่ยวในแถบยุโรปกับอเมริกาแทน ทั้งยังเคยปักหลักอยู่ในสหรัฐอเมริกาในช่วงระยะเวลาหนึ่งอีกด้วย
หนังสือชวนอ่าน 2 ผลงานของ ฮารุกิ มุรากามิ ที่เราอยากแนะนำ
คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ
หนังสือเล่มนี้ เล่าเรื่องของเด็กชายอายุสิบห้าปีคนหนึ่ง เขาอยู่ท่ามกลางบรรยากาศในบ้านที่ชวนรู้สึกอึดอัดขัดข้อง จนไม่อาจจะอดทนอยู่ต่อไปได้ จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านและตั้งชื่อตนเองว่าคาฟกา (ซึ่งแปลว่าอีกา) เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ใช้ชื่อจริง ด้วยไม่ต้องการให้คนตามตัวเขาพบ เขาเดินทางไปยังหัวเมืองห่างไกล ใช้ชีวิตอยู่ในมุมสงบของห้องสมุดเล็กๆ
‘คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ‘ ยังเล่าเรื่องของนาคาตะผู้เป็นชายวัยหกสิบที่เคยประสบอุบัติเหตุตอนเด็กและทำให้เขาอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ แต่เขาคุยกับแมวรู้เรื่องและใช้มันเพื่อหารายได้ให้กับตนเอง ‘วิฬาร์’ ที่มีความหมายว่า ‘แมว’ จึงเป็นต้นเหตุของการตั้งชื่อเรื่องภาษาไทยของหนังสือเล่มนี้
เรื่องราวในหนังสือจะเล่าถึงหลากหลายตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นสองหญิงสามชาย ร่ายความพิลึกพิศดารในชีวิตของตนให้ปรากฏ แถมด้วยกึ่งหญิงกึ่งชายอีกคนและชายสวมหมวกท็อปแฮ็ต รองเท้าบู๊ตหนังสูงถึงเข่ากับชายชราอดีตนายทหารในสูทสีขาวทั้งชุดที่ทุกคนทุกมุมโลกรู้จักดี
หนังสือเล่มนี้แม้ใครๆ จะบอกว่ามันไม่ใช่เทพนิยาย แต่ก็น่าจะจัดอยู่ในแนวเหนือจริง ในเรื่องเขียนให้คนสามารถคุยภาษาแมวได้และเต็มไปด้วยตัวละครที่มีความแตกต่างและมีความแปลกประหลาด เป็นหนังสือที่มีปริศนาใส่รหัสไว้มากมายแต่ไม่มีวิธีถอดความได้ หากแต่ปริศนาหลายข้อผสมผสานกันและด้วยปฏิสัมพันธ์ของพวกมัน ทำให้การถอดความมีความเป็นไปได้มากขึ้น
ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย
หนังสือหลายเล่มของมุรากามิอาจมีเรื่องราวเหนือจริงซึ่งเป็นแนวที่เขาชอบเขียน แต่เล่มนี้ที่ทำให้คนทั้งโลกรู้จักกับเขาเป็นงานเขียนที่ค่อนข้างเรียลอย่างมาก ชื่อภาษาอังกฤษของหนังสือเล่มนี้คือ ‘Norwegian Wood’ เรื่องราวความรักสามเส้าที่ถูกหยิบเอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์
‘ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย’ เล่มนี้เล่าเรื่องของ วาตานาเบะ นาโอโกะและคิซึกิ ที่เติบโตมาด้วยกันในโกเบ ก่อนที่คิซึกิจะฆ่าตัวตาย วาตานาเบะย้ายไปศึกษาต่อที่โตเกียว หลังออกเดตกับนาโอโกะมาอย่างสม่ำเสมอ ในวันเกิดครบ 20 ปีของเขา ทั้งสองต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน ทว่าหลังจากนั้น นาโอโกะก็หายตัวไป ช่วงนั้นเองที่ความเหงาและใครอีกคนที่เข้ามา มิโดริเพื่อนร่วมชั้นเรียนวรรณคดีของเขานั่นเองและแล้ววาตานาเบะก็ได้รับจดหมายจากนาโอโกะอีกครั้ง
ความจริงแล้ว ‘Norwegian Wood’ เป็นชื่อเพลงของวง The Beatles เป็นเพลงที่นาโอโกะและเรโกะ เพื่อนรูมเมทในสถานบำบัด ต่างก็ชื่นชอบ ทุกครั้งที่เขาได้ยินเพลงนี้ วาตานาเบะก็จะหวนคิดถึงนาโอโกะผู้เป็นรักแรก นึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองในช่วงเวลาที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ในกรุงโตเกียว หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเรื่องเล่าที่กล่าวถึงความเจ็บป่วยทางจิตของตัวละคร ความสับสน และเรื่องราวของความตาย นี่อาจจะเป็นเหมือนนิยายส่วนตัวของมุรากามิซึ่งก็อาจจะมีทั้งคนที่อ่านแล้วชอบ หรืออ่านแล้วอาจจะไม่ชอบก็ได้ทั้งนั้น
งานเขียนของมุราคามินั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและบ่อยครั้งมักถูกหยิบขึ้นมาพูดคุยตีความถึงความหมายที่หนังสือเล่มนั้นๆ ต้องการจะสื่อสารออกมา แต่งานเขียนที่เต็มไปด้วยความหมายแฝงก็เป็นเครื่องยืนยันถึงผลงานที่มีความเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ของตัวเขาเอง สำหรับใครที่ชื่นชอบผลงานของนักเขียนท่านนี้ก็ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มให้ได้ติดตามผลงานกัน แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยสัมผัสนี่คือนักเขียนอีกคนหนึ่งที่คุณควรได้ลองอ่านผลงานจากปลายปากกาของเขาดูสักครั้ง
สำหรับใครที่สนใจอยากรู้จักนักเขียนท่านอื่นๆ สามารถเข้าไปติดตามได้ที่นี้เลยนะคะนักเขียนและบทความอื่นๆ เกี่ยวกับหนังสือที่น่าสนใจ