ถ้าพูดถึงชาวญี่ปุ่นเป็นที่ทราบกันดีว่าขึ้นชื่อเรื่องความมีระเบียบวินัยและแบบแผนปฏิบัติที่เคร่งครัดเ เรียบร้อย ตรงต่อเวลา แม้กระทั้งหลักการหรือวิธีคิดก็มักจะแตกต่างจากชาติอื่นๆ หนังสือญี่ปุ่น ที่นำมาแนะนำในวันนี้เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ชาวญี่ปุ่นใช้ในการบริหารชีวิตโดยใช้แค่กระดาษ 1 แผน แต่ด้วยเทคนิคดังกล่าวสามารถช่วยให้คุณเปลี่ยนวิธีคิด พัฒนาตนเอง ขึ้นอย่างมีแบบแผนแน่นอน รีวิวโดยคุณ 85mm ที่จะมาเล่าให้เราฟังถึงเนื้อหาภายใน หนังสือญี่ปุ่น เล่มนี้ว่ามีเทคนิคใดบ้างที่เราสามารถหยิบมาใช้ พัฒนาตนเอง ได้
‘เปลี่ยนยากเป็นง่าย ด้วยการคิดบนกระดาษ 1 ใบที่คนญี่ปุ่นใช้’ หนังสือแนวพัฒนาตนเอง ที่ช่วยในการวิเคราะห์ มองภาพใหญ่ เข้าใจง่ายมากๆ
หนังสือ Master of one page summary เปลี่ยนยากเป็นง่ายด้วยการคิดบนกระดาษ 1 ใบที่คนญี่ปุ่นใช้ หนังสือแนวพัฒนาตนเอง ย่อยง่าย เพิ่ม Self-esteem สำหรับคนทำงาน เป็นอีกหนึ่งในหนังสือที่เราอยากแนะนำให้คนทำงานได้อ่าน เพื่อใช้วิเคราะห์ สรุป ให้เห็นภาพรวม เข้าใจภาพใหญ่ ใช้นำเสนองานได้อีกด้วย
ทำไมถึงต้องเป็นหลักการตามที่คนญี่ปุ่นใช้ ?
ถ้าให้เริ่มต้นเลยคงต้องพูดถึงนักเขียนของหนังสือแนวพัฒนาตนเองเล่มนี้ที่เป็นคุณศุภวิทย์ ภาษิตนิรันดร์ (เซนเซ เล็ก) และคุณวิฑูรย์ สูงกิจบูลย์ (เซนเซ แป๊ะ) ทั้งสองคนได้เรียนรู้และผ่านการทำงานกับบริษัทฯ ที่ประเทศญี่ปุ่นมา ทำให้ได้แนวคิดการทำสรุปรายงานโดยดีไซน์ออกมาได้อยู่ในหน้าเดียวเท่านั้นเอ๊งงงงง
และแน่นอนครับ อย่างที่เรารู้กันถึงวัฒนธรรมการทำงานของคนญี่ปุ่นที่ถูกปลูกฝังเรื่องความสำคัญของเวลากันมาตั้งแต่เด็กและยิ่งเมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงานแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่าเวลาทุกนาทีมีค่ามากๆ เพราะมันคือ “เงิน” จ้า พูดง่ายๆ เอารายได้บริษัท หารจำนวนคน หารเวลาทำงาน ตัวเลขที่ออกมา นั่นแหละคือ “รายได้” สิ่งที่พนักงานตาดำๆ อย่างเราๆ ทำให้กับบริษัทฯ นั่นเอง เรียกว่า “ทุกนาที มีค่า” ที่แท้จริง
หนังสือเล่มนี้ เปลี่ยนยากเป็นง่ายด้วยการคิดบนกระดาษ 1 ใบที่คนญี่ปุ่นใช้ (แหม่ ชื่อหน้าปกก็ยาวตามเทรนด์ Light Novel ของคนญี่ปุ่นเลยนะ) ช่วยอธิบาย การสรุปรายงานผ่านหลักคิดที่เป็นสากล ย่อยเรื่องยากๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ และตรงประเด็นที่อยากจะสื่อสารจริงๆ พูดง่ายๆ คือเค้นเอาเนื้อออกมา น้ำมีแต่แต่ต้องพอดี
เพราะเวลาของคนเราไม่เท่ากัน !!
ใช่ครับตามที่บอกเลยว่า เพราะเวลาของคนเราไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นความต้องการหรือความสนใจก็แตกต่างกันไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น พนักงานระดับเดียวกันกับหัวหน้างาน ด้วยตำแหน่งที่ต่างกันการให้ความสนใจก็ต่างกันด้วย
เมื่อเราทำรายงานขึ้นมาหนึ่งฉบับ สิ่งที่คนทำงานระดับเดียวกันและระดับหัวหน้าคิดก็จะแตกต่างกันด้วยเช่นกัน ตามภาพส่วนหนึ่งของหนังสือที่แนบมาให้นี่เลยครับ
เพราะฉะนั้นภายใต้โจทย์เรื่องเวลาที่จำกัดและเพื่อทำให้รายงานที่เราเสนอไปน่าสนใจเพื่อเจ้านายเซ็นอนุมัติแล้วล่ะก็ เลยจะต้องมีเทคนิคในการนำเสนอกันเสียหน่อย
จากส่วนหนึ่งของหนังสือที่ผมกล่าวถึงข้างต้นเป็นแนวคิดเบื้องต้น ก่อนที่ผู้เขียนจะนำนักอ่านเข้าสู่หลักการและวิธีการทำรายงานให้สั้น กระชับ เข้าใจง่ายภายใน 1 หน้ากระดาษครับ หนังสือเล่มนี้แบ่งหัวข้อการเรียนรู้ออกเป็น 3 หัวข้อใหญ่ๆ นั่นคือ
มองเห็นภาพใหญ่
จากตัวอย่างข้างต้นที่เราได้บอกไว้ หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นด้วยการบอกให้เรารู้ตัวก่อนว่าเรากำลังเขียนรายงานให้ใคร ชื่อรายงานควรเป็นอย่างไรและควรรู้ว่าอะไรเป็นข้อความสำคัญหรือประโยค Highlight ที่ใส่ไปแล้วคนอ่านเข้าใจความต้องการของเราทันที
สรุปเรื่องให้มีตรรกะใส่กรอบหัวข้อ
กำหนดหัวข้อย่อยในหน้ารายงานของเราให้ครบถ้วน พร้อมตีกรอบจัดลำดับของความสำคัญเพื่อรักษาสมดุลของแต่ละหัวข้อในหน้ารายงานของเรา พร้อมทั้งลำดับการเล่าตรงจริตกับผู้รับสาร โดยดูว่ารายงานนี้เราส่งให้ใครอ่าน แล้วเขาคนนั้นน่าจะสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษก็ให้เล่านำด้วยหัวข้อดังกล่าวครับ
สื่อสารให้เข้าใจได้ง่ายๆ ด้วยร้องอ๋อใน 3 วิ
สุดท้ายแล้วทำให้ผู้รับสารหรือผู้ที่เราต้องการรายงานเข้าใจตรงกันด้วยรายงานสรุปที่มองเห็น ถ้าเทียบกับรายงานเดียวกัน ระหว่างเรียงความเป็นพรืดๆ หนึ่งหน้า กับรายงานแบ่งเป็น Bullet ตีกรอบข้อความให้ชัดเจน เข้าใจง่าย แบบไหนที่คนอ่านจะชอบและสุดท้ายจะต้องได้รับแรงบันดาลใจจากรายงานของเราครับ
หนังสือ เปลี่ยนยากเป็นง่ายด้วยการคิดบนกระดาษ 1 ใบที่คนญี่ปุ่นใช้ เป็นเหมือนแสงสว่างของคนที่ยังฝึกการทำรายงาน คนที่โดนแก้รายงานบ่อยๆ ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้เราคิดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากเลยล่ะครับ การนำเสนอของหนังสือแนวพัฒนาตนเองเล่มนี้ บอกเล่าวิธีการผ่านตัวหนังสือ ผสมกับภาพวาดลายเส้นเข้าใจง่าย ไม่ได้เป็นเชิงวิชาการที่เราจะต้องมานั่งอ่าน Text เยอะๆ เรียกได้ว่าอ่านง่าย สนุก และนำไปใช้ได้จริงกับชีวิตประจำวันของเราครับ
รีวิวดีๆ จากคุณ 85mm ค่ะ หนังสือ เปลี่ยนยากเป็นง่ายด้วยการคิดบนกระดาษ 1 ใบที่คนญี่ปุ่นใช้ คงจะสามารถเป็นสิ่งที่ช่วยให้การเขียนรายงานหรือนำเสนองานของหลายๆ คนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนะคะ การนำเสนองานนั้นเป็นทักษะที่เราสามารถประยุกต์นำมาพัฒนาตนเองได้ ทำให้งานหรือโปรเจคของเรามีความน่าสนใจมากขึ้น ก็หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยผู้อ่านไม่มากก็น้อยในการทำงานนะคะ