นิยายจีนที่เราหยิบมารีวิวในวันนี้นั้นเป็นเรื่องที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นซีรีส์ที่มีกระแสตอบรับดีไม่น้อย ด้วยนักแสดงที่มารับบทเองก็เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงและผลงานดีอย่างไม่มีข้อโต้แย้งผนวกกับเนื้อเรื่องที่มีเนื้อหาเข้มข้นชิงไหวชิงพริบกันอยู่ตลอดเวลา ภายใต้การแข่งขันและการแย่งชิงอำนาจที่ขอบอกว่าไว้ใจใครไม่ได้ และแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจน่าติดตามในบทของตัวเองทั้งสิ้น ซึ่งรีวิวในวันนี้ได้เพจ คุณชายรีวิวหนังสือ จะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ให้ฟังกันว่าน่าสนใจหรือมีจุดแตกต่างกับซีรีส์อย่างไรใน รีวิว เทียบท้าปฐพี
รีวิว เทียบท้าปฐพี (Who Rules The World) เรื่องย่อ ตัวละคร
ในที่สุดก็ลุยจนจบ เรื่องนี้เขาเขียนให้อยู่ในช่วงกลียุค โยนโจทย์ให้ตัวละคร 4 ตัวละครหลัก จับคู่เป็น 2 กลุ่ม ลงสนามศึกชิงแผ่นดินเพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียว ตัวนักเขียนวางต้นเรื่องเป็นแนวคอมเมดี้ชาวยุทธ์ แต่พอเข้าสู่เล่ม 2 จะเปลี่ยนเป็นอารมณ์เทาๆ ไปกับบทเนื้อหาดราม่า สงคราม ชิงไหวชิงพริบ ซึ่งมีเนื้อหาบางส่วนกดอารมณ์คนอ่านให้จมน้ำตาได้ โดยเฉพาะกับฉากสูญเสียของตัวละคร ชายจึงขอคัดเฉพาะตัวละครหลักที่มีบทบาทกับเรื่องมารีวิวให้อ่าน
กลุ่มแรก : นางเอก ‘ไป๋เฟิงซี’ (เฟิงซีอวิ๋น) แห่งแคว้นชิงโจว มีสองคาแรคเตอร์ จอมยุทธ์กับอ๋องหญิง ช่วงต้นเรื่องนางจะสวมร่างเป็นไป๋เฟิงซี นิสัยน่ารักแก่นแก้ว กิน-นอน-ท่องยุทธภพไม่สนกฎเกณฑ์ เด่นด้านวรยุทธ์ มีภูษาขาวเป็นอาวุธ(ผ้าฟิ้วฟ้าวที่พุ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ) แต่ถ้าวันไหนสวมร่างเฟิงซีอวิ๋น ความแกร่งกล้าของนางก็ไม่เคยเป็นรองบุรุษในใต้หล้า ถนัดทั้งบุ๋นบู้
จุดเด่นของไป๋เฟิงซี : ไม่ชอบฆ่าคน รักพวกพ้องและเป็นนางเอกที่เก่งแบบมีองค์ประกอบให้เห็น เก่งถึงขั้นสามารถกุมแผ่นดินไว้ในมือได้ ถ้านางต้องการ นอกจากมีไม้ตายอย่าง ‘ขุนพลวายุเมฆา’ 5 หมื่นนาย ในนิยายนางยังมีหมากลับอยู่คนนึงชื่อ ‘จิ่วเวย’ บทเด่นมากในช่วงเล่ม 2 ไปเล่ม 3 แต่ไม่รู้ซีรีส์จะมีไหม
กลุ่มสอง : พระเอก เขามีถึง 4-5 ชื่อเรียกด้วยกัน จิ้งจอกดำ เฟิงหลันซี เฮยเฟิงซี เฟิงกงจื่อ หรือหลันซีกงจื่อแห่งแคว้นยงโจว นอกจากนี้ยังมีสองคาแรคเตอร์คล้ายนางเอก จอมยุทธ์หนุ่มรูปงามกับท่านอ๋อง ร่างที่น่ากลัวที่สุดคือหลันซีกงจื่อ เติบโตมาท่ามกลางการสูญเสียมารดา-กองเลือด-การแย่งชิงอำนาจระหว่างพี่น้องตั้งแต่ 4 ขวบ บิดา(ยงอ๋อง)เพิกเฉยต่อความเป็นตายของแม่กับตัวเขา จึงเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์กับพ่อ พี่น้อง แม่เลี้ยงถูกทดไว้เป็นหนี้เลือด แผลตรงจุดนี้ของพระเอกหล่อหลอมให้เขาแข็งแกร่งและไม่เคยไว้ใจใคร
จุดเด่นของเฮยเฟิงซี : มีใจดุจราชันย์ยากหยั่งถึง ทั้งเหี้ยมโหด ทั้งเด็ดขาด แผนการซับซ้อน นิสัยคาดเดายาก แม้มือจะเปื้อนเลือดมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่สน สำหรับชายตัวละครนี้ดาร์กสุดในเรื่อง มีไม้ตายอย่าง ‘ค่ายกลอสูร’ กับ ‘กองทัพปีกกาฬ’ แฝดจงหลี-จงหยวนข้างกายพระเอกนี่ก็ไม่ธรรมดา ไม่ขายความน่ารักแบบในซีรีส์
กลุ่มสามกับกลุ่มสี่ : เป็นการจับคู่ของหวงเฉากับอวี๋อู๋หยวน(อวี้กงจื่อ)แห่งจี้โจว บททั้งสองคนนี้ดูก้ำกึ่ง เอ๊ะจะเป็นพระรองหรือพระร้าย มีให้เราเลือกฝั่งเอาเอง ซึ่งพระรองตัวจริงนั้นเป็นลูกน้องของหวงเฉา(เยียนอิ๋งโจว)
ด้านความสามารถของหวงเฉา-อวี๋อู๋หยวน บทในนิยายสมกับการเป็นคู่ปรับพระเอก-นางเอก เป้าหมายคือตำแหน่งราชันย์ ซึ่งในนิยายจำกัดความไว้ว่า หากแคว้นไหนได้ตัวอวี๋อู๋หยวนก็เหมือนได้แผ่นดิน
จุดเด่นของคู่นี้ : ชายยกให้บทบาท ‘กุนซือ’ ของอวี๋อู๋หยวน ในนิยายอวี๋อู่หยวนเป็นชาวฟ้า ไม่ใช่ตัวโกงหลุดกรอบแบบในซีรีส์ รู้มิติสวรรค์ คาดเดาทุกอย่างได้ดุจเทพยดา ตำราวิชาเกือบทุกแขนงในจักรวรรดิต้าตง(แผ่นดินใหญ่) ล้วนถูกสร้างโดยตระกูลอวี๋
อวี๋อู๋หยวนจะมีคติประจำตัว ‘จะไม่ยอมให้มือเปื้อนเลือด’ แต่ยืมมือคนอื่นฆ่า ขณะที่ฝ่ายพระนางมีค่ายกลเผด็จศึก อวี๋อู๋หยวนกลับมีวิธีแก้การแก้ค่ายกล บวกกับ ‘กองทัพชิงฟ้า’ ของหวงเฉา สำหรับชายแล้วการจับคู่พระนาง Vs หวงเฉา-อวี๋อู๋หยวน ชายยกให้เป็นคู่ประชันศึกที่ทำให้หนังสือเรื่องนี้เป็นนิยายแนวเนื้อหาที่เข้มข้นเรื่องนึง
คุณชายขยายความหลังอ่านจบ
เรื่องนี้ยังเป็นนิยายแนวเนื้อหา ถ้าหลายคนตามเพจชายมานานจะเข้าใจทันทีว่านิยายเนื้อหาคืออะไร? ไม่ใช่แนวอ่านเล่นมโนอารมณ์ ไม่มีความหวานของพระนาง แต่เป็นนิยายที่ใช้สมาธิจับใจความ ไล่ลำดับเหตุการณ์ จับกลุ่มตัวละครเกิน 10 ตัวละครให้เป็นแผนผัง ซึ่งกลุ่มตัวละครฝั่งนางเอกไป๋เฟิงซีเด่นมาก เด่นกว่ากลุ่มพระเอกหลายเท่าตัว จับคู่ฟาดศึกกับหวงเฉา-อวี๋อู๋หยวน วัดกันหมัดต่อหมัด แผนศึกของใครดีกว่า ใครเสียกำลังพลน้อยกว่า
บรรยากาศการรบถอดแบบมาจากสมก๊ก แค่ไม่ลงละเอียดยิบ เพราะจุดขายของนิยายเรื่องนี้ ไม่ใช่การออกท่ากำลังภายใน ฉากการรบ หรือการวัดเหลี่ยมของเหล่าตัวละครหลัก แต่เป็นบทอารมณ์ของพระนางในโจทย์ ‘ความรักที่อยู่บนความหวาดระแวง’ ทำให้ชายนึกถึงเรื่องจอมนางจารชนหน่วย 11 ยังไง?
จอมนางจารชน ฯ เนื้อหาศึกสงคราม ทวงแค้น ชิงแผ่นดิน ฯ ไป๋เฟิงซีมีบทบาทคล้ายฉู่เฉียว เกิดอยู่ในกลียุค รับภาระหนัก แบกชีวิตผู้คนไว้นับหมื่น แบ่งแยกศัตรู แต่ไม่แยกแบ่งชาวบ้านตาดำๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย นางนำทัพออกศึกเพื่อหยุดกลียุค หยุดการนองเลือด หยุดการสูญเสีย หวังให้แผ่นดินกลับมาสงบสุข จุดแข็งที่อาจทำให้หลายคนประทับใจตัวละครนางเอกคือ นางให้ความสำคัญกับพวกพ้องของนางมากกว่าสิ่งอื่น ทหารอยู่นางอยู่ ทหารไปนางไป ทุกคนจะเกิดมาต่ำสูงล้วนมีค่าเท่าเทียมกัน
ขณะที่พระเอกมีความคล้ายๆ เยียนสวิน ตัวละครออกโทนเทาๆ ปนดาร์ก ไม่ใช่พ่อหนุ่มละมุนรักแบบในซีรีส์ บาดแผลชีวิตเยอะ คิดการใหญ่ จิตใจจึงบ่มเพาะไว้ซึ่งความโหดเหี้ยมเด็ดขาด ถอดแบบฮ่องเต้ในนิยายจีนมาทุกกระเบียดนิ้ว มุมความรักยิ่งชัดเลย มันเป็นความรักที่มีความหวาดระแวงอยู่ร่วมด้วย หลายครั้งที่พระเอกมักใช้แผนใส่ลงไปในหลายเหตุการณ์ คอยวัดใจนางเอกพร้อมกับชั่งใจตัวเอง ไหนจะมีขุนนางข้างกายยุแยงตลอดว่าตำแหน่งอ๋องไม่ควรมีสองคน สื่อความหมายไปในทาง เจ้านายของเหล่าขุนนาง-ทหารไม่ควรมีสองคน ซึ่งในอดีตเคยมีสองอ๋องพี่น้องเป็นกรณีศึกษา แรกก็เชื่อใจ นานไปก็แตกร้าว ผิดกันแค่คนอย่างไป๋เฟิงซีจัดการได้ไม่ง่าย
ด้วยความสามารถของไป๋เฟิงซีในนิยาย นางเด่นมาก เก่งฉลาด แทบจะแบกเรื่องไว้ทั้งเรื่องและนางยังเป็นคนเดียวที่สามารถล้มพระเอกได้ พระเอกแกจึงวะแวง-ใช้แผนลองใจสลับไปมา จนสุดท้ายก็เกิดจุดหักดิบครั้งใหญ่ระหว่างกัน (ศึกบนภูเขาลั่วอิง) ศึกนี้ เปรียบเสมือนไฮไลท์ใหญ่ของเรื่องก็ว่าได้ นางเอกเป็นทัพหน้าคุมพล พระเอกอยู่รอในเมืองกับพรรคพวกช่างยุ พอนางเห็นท่าไม่ดี ฝ่ายศัตรูมีกำลังพลเหนือกว่า นางจึงขอความช่วยเหลือให้พระเอกส่งกองหนุนมาแต่ไร้วี่แวว
ศึกชิงเหลี่ยม ณ เขาลั่วอิง ทำให้นางเอกสูญเสียสองขุนพลที่เปรียบได้ดั่งพี่น้องของนาง(หลินจี-จิ่วหรง) ตรงนี้เองที่มันทำให้คนอ่านอย่างชายเปิดอ่านหน้าต่อไปไม่ได้เลย ใจมันดิ่งไปกับคำบรรยายความรู้สึกนางเอกตอนเห็นศพจิ่วหรง-หลินจีและจังหวะมันได้ เขาตายกันหมดแล้ว ศึกจบแล้วพระเอกกับลูกสมุนเพิ่งเคลื่อนทัพมาช่วยมันยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดพระเอกแบบที่ไม่เคยรู้สึกเกลียดอะไรเท่านี้มาก่อน อินแบบสุดขอบ
ตัวนักเขียนก็ขยี้น้ำตาเก่ง บรรยายความรู้สึกต่อจากภาพข้างบน ภาพกองศพของเหล่าทหารกล้า บรรยายความรู้สึกในตอนนางเอกเห็นพระเอกกับพวกพ้องด้วยความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ บทบรรยายยิ่งเขียนออกมาดีเท่าไหร่ เรายิ่งเจ็บแทนนางเอกและเกลียดพระเอกจนไม่สามารถมองตัวละครตัวนี้เป็นพระเอกได้
นักเขียนยังขยี้ไม่จบ ต่อด้วยภาพวีรกรรมพันแปดของพระเอก อย่างช่วงตอนหนึ่ง เขาคิดจะรับเฟิ่งชีอู่เข้ามาเป็นสนม(สายเลือดเฟิ่ง) หรือการที่เขาปกปิดความจริงว่าเยียนอิ๋งโจวยังไม่ตาย แต่มาตายจริงๆ ตอนนางนำทัพออกรบ เผชิญหน้ากับหนึ่งในขุนพลของหวงเฉา ศึกนี้นางชนะ แต่ก็แลกกับความจริงที่ว่าคนที่นางฆ่าไปคือ…เยียนอิ๋งโจว ความเกลียดพระเอกจึงถูกคูณแล้วคูณอีก อินจนมือสั่นชายบอกเลย
แม้มันจะมีบทฟื้นฟูใจช่วงเล่ม 3 เฟิงหลันซีใช้วิชาลับต่อชีวิตนางเอกจนทำให้เขามีผมขาว อายุสั้นลง แต่สำหรับชาย ความรู้สึกที่เสียไปมันฟื้นไม่ทัน ชายไม่สามารถลืมภาพร้ายๆ ที่เขาทำไว้ ขอไม่อินกับความรักสไตล์นี้ มันขมไป ประลองใจกันเกินไป ระแวดระวังเกินไป ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่คล้ายคู่ฉู่เฉียวกับเยียนสวิน ผิดกันแค่เฟิงหลันซีไม่ใช่จูเก่อเยว่
ทิ้งท้ายแบบพยายามจบให้สั้น
รีวิวครั้งนี้เป็นรีวิวจากมุมคนอิน ถูกนักเขียนลากไปในดงน้ำตาแล้วกระชากขึ้นมาดื่มด่ำอากาศหลังทุกอย่างคลี่คลาย นิยายจบ แต่อารมณ์ไม่จบ อารมณ์มันอึนๆ เศร้าๆ ติดบ่วงอยู่แบบนี้ประมาณ 4-5 วันก็ไม่หาย ใครที่อ่านนิยายแล้วจัดการอารมณ์ไม่ได้ หรือมีปัญหาสุขภาพจิตอ่อนไหว ให้เลี่ยงให้ไกล ไม่แน่นะชายอาจเป็นคนเดียวในโลกที่อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วเกลียดพระเอก
ในแง่สำนวนแปล : ฟังคนบ่นกันมาเยอะ สำหรับชาย เรื่องนี้เป็นงานภาษาสวย เล่นคำสัมผัส คลังคำคนแปลแน่นมาก อย่างการถอดคำสำนวนกวี ‘ดอกท้อมีสุดนับ นกขมิ้นจับเหนือกิ่ง ข้าหมายยิ่งจะผ่าน หมู่ไม้บานสะพรั่ง ไปถึงยังมรรคา’ ชายชอบ แต่อาจไม่ใช่กับทุกคน เพราะคนเสพงานแปลยุคใหม่จะไม่ชินกับงานสำนวนที่อ่านแล้วไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ พอมาเจอคำไทยแปลกตาหรือประโยคสำนวน ก็จะรู้สึกไม่อยากอ่านต่อ ข้อนี้ไม่มีใครผิดใครถูก
ขณะเดียวกันมันจะมีคำบางคำที่ชายเองก็เข้าไม่ถึงความหมาย เหมือนประดิษฐ์คำเยอะเกินไป อย่างคำ กรุณาอย่างวิเศษ สับปลับกลับกลอกอย่างเอกอุ ด้วยอาการเสรีเป็นธรรม ชายอ่านแล้วยังรู้สึกว่าใช้คำยากโดยใช่เหตุ คำยากสำหรับชายถ้ามาในรูปประโยคเน้นคำในเหตุการณ์สำคัญจะกลายเป็นคำสวย แต่ถ้าเป็นการเล่าเดินเรื่องธรรมดา แต่ยังใส่คำยากเข้ามาในประโยค ชายคนนึงแหละที่อยากเปิดข้าม
ชายลองคิดแทนคนอ่านงานแปลรุ่นใหม่ ถ้าเรื่องนี้มายุคที่สามสี่ปีมีงานแปลให้เก็บหนึ่งเรื่องอย่างยุค จอมนางคู่บัลลังก์ เพชรยอดขุนพล ป่าท้อ ลิขิตเหนือเขนย ม่านม่านชิงหลัว ฯ ชายว่าสำนวนภาษาไม่ใช่อุปสรรคเลย เพราะเหมือเราถูกบังคับอ่าน ไม่มีตัวเปรียบเทียบ คนจะเข้าถึงความสวยงามของการใช้คำสัมผัสคำแบบที่เจอในเรื่องเทียบท้าฯ บวกกับความเก่งของนักเขียนที่เด่นเรื่องการวางเนื้อหาเข้มข้น มีสิทธิ์เป็นแรร์ได้ไม่ยาก
เอาเป็นว่า เรื่องนี้ยังเป็นนิยายดีหายากเรื่องนึง แต่ยังจัดอยู่ในกลุ่ม 50/50 เพราะด่านเซียนปราบคนอ่านคือ ‘บทพระเอก’ แค่นี้จริงๆ ถ้าสายใจบาง รับความอินบทกดดันใจไม่ไหว ไม่ชอบพระเอกดาร์ก ให้เดินผ่านไปก่อน แต่ถ้าเราสังกัดสายเนื้อหา แล้งรักฉันไม่แคร์ ชอบการวางตัวละครดีๆ นางเอกเด่นกว่าพระเอกหลายเท่าและรับความดาร์กของพระเอกได้เชิญหยิบ สำหรับชายอ่านรอดชอบทุกอย่างที่เป็นนางเอกกับพลพรรคของนาง แต่คงไม่อ่านซ้ำแน่นอน มันอินจนจบอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เพราะเขาเขียนดีเกินไป ขอเว้นพระเอกกับพวกพ้องของเขาไว้ในฐานที่เข้าใจ
จบไปแล้วกับรีวิว เทียบท้าปฐพี หนึ่งในนิยายจีนที่มีเนื้อหาเข้มข้นน่าสนใจจนถูกนำไปสร้างซีรีส์ในที่สุด เป็นสิ่งที่การันตีได้ว่านิยายเรื่องนี้สนุกและน่าติดตามอย่างแน่นอน อีกทั้งในเว่อร์ชั่นซีรีส์เองก็ได้นักแสดงมากความสามารถหลายคนมาร่วมงาน เรียกได้ว่าน่าสนใจน่าติดตามทั้งหนังสือและนิยายเลย และต้องขอบคุณเพจ คุณชายรีวิวหนังสือ ที่นำนิยายจีนเรื่องนี้มาแนะนำให้เรารู้จักกัน พร้อมทั้งบอกเล่าความน่าสนใจของเนื้อหาบางส่วนภายในเล่ม สำหรับใครที่สนใจรีวิวนิยายจีนเล่มอื่นๆ ก็อย่าลืมมาติดตามบทความใหม่ๆ ได้ที่ article.reeeed นะคะ