หลายๆ คนเมื่อเข้าสู่วัยทำงานแล้วนั้นก็มักจะโฟกัสและมุ่งมั่นจริงจังกับการทำงานอย่างเต็มที่ จนหลายๆ คนเกิดอาการ burn out หรือหมดไฟในการทำงาน แม้กระทั้งการดำเนินชีวิตในแต่ละวันก็ดูแสนเบื่อหน่ายซะเหลือเกิน นั้นเพราะการมุ่งมั่นกับงานที่มากจนเกินไปทำให้เราไม่ได้หาเวลาความสุขใส่ตัวหรือลองถามตัวเองดูว่าความสุขและสิ่งที่เราต้องการคืออะไร หนังสือที่เรานำมาแนะนำวันนี้นั้นถูกเขียนโดยพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งซึ้งได้ลองลาออกและใช้ชีวิตตามตัวเองต้องการอยู่ช่วงหนึ่ง แม้ตัวผู้เขียนเองจะยอมรับว่าการทำงานหาเงินเป็นปัจจัยสำคัญในดำรงชีวิตแต่เราก็ควรจะทำงานหาเงินมาเพื่อเสริมความสุขในชีวิตเช่นกัน หนังสือเล่มนี้คือ นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ ผลงานของ ฮาวัน พนักงานตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ได้เขียนหนังสือเล่มนี้ออกมาจากชีวิตของตน รีวิวโดยเพจ รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก จะมาแชร์เรื่องราวของฮาวันกันในบทความนี้ใน รีวิว นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ
รีวิว นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ แม้คุณเป็นผู้ใหญ่ก็ยังต้องการความสุขและอิสระไม่ต่างจากวัยรุ่น
ตอนนี้เทรนด์ย้ายประเทศในบ้านเรากำลังมาแรง แต่รู้ไหมคะว่ามีอีกประเทศหนึ่งที่ก็กำลังประสบปัญหาคนรุ่นใหม่อยากย้ายประเทศเหมือนกัน ประเทศนั้นคือ เกาหลีใต้ค่ะ หนังสือเล่มนี้จะพาเราไปทำความเข้าใจการใช้ชีวิตของคนเกาหลีใต้มากขึ้นในอาชีพที่ยอดนิยมที่สุดอาชีพหนึ่งก็คือพนักงานออฟฟิศนั่นเอง วันนี้เพจรีวิวทุกอย่างที่อ่านออกจะพาทุกคนมาอ่านเล่มนี้กันค่ะ
‘นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ’ เชื่อว่าหลายๆ คนคงคุ้นชื่อหนังสือเล่มนี้ของฮาวันกันมาบ้างแล้ว ฮาวันเป็นชาวเกาหลีใต้ เขาไม่ใช่นักจิตวิทยา หรือนักเขียนหนังสือด้านพัฒนาตัวเอง แต่เป็นเพียงพนักงานบริษัทกับนักวาดภาพประกอบธรรมดาๆ คนหนึ่ง ทำงานควบทั้งสองชีพทั้งๆ ที่ไม่ได้มี Passion หรือความหลงใหลเลยสักอย่าง ฮาวันขยันทุ่มเทกับงานมาจนถึงอายุ 40 ปี แต่เขากลับพบว่าตัวเองยังอยู่กับที่ ประโยคที่บอกว่าจะโตไปพร้อมกับบริษัทไม่เห็นจะจริงสักนิด
แก่นของเรื่องนี้เกิดจากมนุษย์เงินเดือนอายุ 40 เริ่มตระหนักได้ว่าความขยันที่เขาทุ่มเทให้กับงานมันทำให้ตัวเขาเหนื่อยเกินไป เขาเลยเริ่มมีความคิดที่จะลาออกจากงานตอนอายุ 40 ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจทำกันได้ง่ายๆ ฮาวันลังเลอยู่หลายครั้งจนสุดท้ายก็เอาใบลาออกไปยื่นให้หัวหน้าทั้งที่ในใจยังหวังให้หัวหน้ายื้อเขาสักหน่อย เขาอาจจะเปลี่ยนใจอยู่ต่อ แต่ใบลาออกได้รับการอนุมัติอย่างง่ายดาย สุดท้ายเลยได้อิสระในชีวิตสมใจอยาก ผู้ใหญ่อายุ 40 ได้เวลามาเล่นซนอีกครั้ง รสชาติของการลากออกนั้นหอมหวานปานนั้นผึ้ง มีเวลามานั่งจิบเบียร์ชิลๆ ปล่อยให้เวลาในชีวิตผ่านไปโดยไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องมารู้สึกผิดเหมือนกับตอนทำงานในบริษัทที่แม้จะไม่มีอะไรให้ทำก็ยังต้องทำตัว Active ตลอดเวลา แต่อิสรภาพที่ได้ ก็มาพร้อมกับการผลาญเงินในบัญชีของตัวเองไปเรื่อยๆ จนตัวเลขในบัญชีลดลง การสนุกของเขาเริ่มจะไม่ค่อยสนุกซะแล้ว
การเล่าเรื่องของหนังสือเล่มนี้เหมือนฮาวันกำลังมานั่งเล่าประสบการณ์ชีวิตให้ฟังสลับไปมาระหว่างเขาเขาตอนอายุ 40 กับเขาในอดีตที่ขยันและทุ่มเทอย่างบ้าคลั่งให้กับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนสอบติดในครั้งที่ 4
เสน่ห์ของการเล่าเรื่องของฮาวันคือการที่เขาเองยังมีความย้อนแย้งในตัวเอง บวกกับภาษาที่เข้าใจง่ายแต่ยังคงความสละสลวยของผู้แปล จึงทำให้อ่านแล้วลื่นไหลไม่สะดุด และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือภาพประกอบของฮาวันที่มีบทสนทนาสั้นๆ บรรยายปนมุกตลกจนทำให้เผลอยิ้มตาม อย่างเช่นเขาบอกว่าระหว่างเงินกับอิสระ เขาเลือกอิสระ แต่สุดท้ายฮาวันดันวาดภาพประกอบเป็นตัวเองกำลังร้องไห้เพราะคิดถึงเงินเดือนซะงั้น
ฮาวันเล่าเรื่องการตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อตามใจตัวเองดูสักครั้ง ทั้งๆ ที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิด แต่เงินในบัญชีมีจำกัดสุดท้ายเขาก็ต้องทำตัวนอบน้อมกลับไปทำงานในบริษัทอีกครั้งจนได้ แต่การกลับไปครั้งนี้เขาจะทำงานหาเงินเพื่อมีอิสระในปัจจุบัน นอกจากนี้เขายังสอดแทรกข้อคิดต่างๆ จากประสบการณ์ชีวิตของตัวเองเข้าไปด้วย มีหนึ่งประโยคที่โดยส่วนตัวแล้วเราชอบค่ะ
“ไม่อับอายเรื่องจนปัญญาที่จะครอบครองสิ่งต่างๆ ที่ควรมี แต่อายต่อความจริงว่าใช้ชีวิตโดยขาดค่านิยมกับหนทางเป็นของตนเอง”
ฮาวันพยายามจะบอกว่าอย่าคล้อยตามค่านิยมที่สังคมกำหนด ว่าจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ พออายุมากก็ควรจะแต่งงานสร้างครอบครัว ไม่ใช่เอามาเวลามาเล่นสนุกเหมือนเด็กวัยรุ่น ซึ่งความจริงแล้วไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน ใครๆ ก็อยากมีเวลามาใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยกันบ้างแหละ แต่พวกผู้ใหญ่ปากมักจะไม่ตรงกับใจ เอาแต่แคร์สายตาผู้คน แต่ฮาวันเป็นผู้ใหญ่ที่จิตใจยังคงเป็นวัยรุ่นอยู่ เขาไม่อยากหอบสังขารไปเที่ยวตอนแก่ มันคงไม่สนุกอย่างที่คิดเอาไว้แน่ เขาเลยเลือกที่จะใช้ชีวิตง่ายๆ บนพื้นฐานความเป็นจริง ยังคงต้องทำงานหาเงิน แต่ก็แบ่งช่วงเวลาเอาไว้ให้ตัวเองได้พักผ่อน ใช้ชีวิตแบบไม่ตั้งใจบ้าง
เรื่องนี้เป็นเหมือนกับการเล่าเรื่องชีวิตของคนเกาหลีผ่านคนที่ทั้งอยากใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยและต้องอยู่ในสังคมที่มีค่านิยมในการทำงานหนัก เป็นความสับสนที่เราเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงานแล้วทุกคนต้องเคยเจอปัญหานี้สนใจกันอยู่แล้วไม่มากก็น้อย ถ้าใครที่กำลังรู้สึกสับสนแบบนี้ แนะนำให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วลองตอบตัวเองดูนะคะว่า “นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ?”
เป็นยังไงกันบ้างคะกับเรื่องราวภายในหนังสือ นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ จากผลงานเขียนของ ฮาวัน พนักงานออฟฟิศคนหนึ่งที่อยากใช้ชีวิตอิสระเรื่อยเปื่อยไม่ต่างจากวัยรุ่น และขอขอบคุณเพจ รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก อีกเช่นเคยนะคะที่เอาหนังสือดีๆ น่าสนใจแบบนี้มารีวิวให้เราได้ทราบกันอีกเช่นเคย ใครอ่านแล้วสะดุดว่าตรงกับชีวิตของตนเองก็อย่าลืมลองถามหาคำตอบกับตัวเองดูนะคะว่าสิ่งที่พยายามอยู่นั้นมันคุ้มค่าและก่อให้เกิดความสุขในตอนนี้หรืออนาคตรึเปล่า แต่สำหรับใครที่มีความสุขกับการทำงานอยู่แล้วขอบอกว่าเป็นพรอันประเสิฐเลยละค่ะ