เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต่างต้องการที่จะมีความสุขในชีวิต แต่เพียงแค่หลายๆ ครั้งเราไม่สามารถรับรู้ได้ว่าทำอย่างไรถึงจะมีความสุขเพิ่มขึ้นได้หรือเมื่อเราเจอกับปัญหาจะรับมืออย่างไรให้เราไม่จมอยู่กับความทุกข์จนทำลายความสุขในชีวิตของเราไป วันนี้เรามีหนังสือที่จะมอบมุมมองความคิดดีๆ ที่เราเชื่อว่าสามารถช่วยหลายๆ ท่านให้สามารถเพิ่มความสุขหรือรับมือกับความทุกข์ได้ดียิ่งขึ้นกับหนังสือ GOOD VIBES GOOD LIFE ใช้คลื่นพลังบวก ดึงดูดพลังสุข หนังสือที่จะมาบอกถึงมุมมองวิธีคิดที่จะช่วยให้คุณสามารถคิดบวกได้มากขึ้นเพราะความสุขในชีวิตเริ่มต้นจากความคิดนี่แหละค่ะ ยิ่งเราคิดบวกได้เท่าไหร่ก็จะยิ่งดึงดูดความสุขให้เข้าหาเราได้มากเท่านั้น รีวิวโดยเพจ รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก ที่จะมาแบ่งปันความรู้สึกหลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้กับ รีวิว GOOD VIBES GOOD LIFE ใช้คลื่นพลังบวก ดึงดูดพลังสุข
รีวิว “GOOD VIBES GOOD LIFE ใช้คลื่นพลังบวก ดึงดูดพลังสุข“ เพิ่มความสุขในชีวิต เพียงเปลี่ยนความคิดให้เป็นบวก
เชื่อไหมว่าแค่เปลี่ยน คำพูด อารมณ์และการกระทำ ชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปได้แล้ว ช่วงต้นปีเราจะชอบหาหนังสือพัฒนาตัวเองมาอ่าน เพราะมันคงจะดีถ้าเราได้เจอแนวคิดดีๆ ที่เราสามารถเอาไปปรับใช้กับชีวิตทั้งปีได้ วันนี้รีวิวทุกอย่างที่อ่านออกเลยจะมาพูดถึงหนังสือที่ชื่อว่า “Good Vibes, Good Life: ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข” ค่ะ
หนังสือเล่มนี้มีพื้นฐานมาจาก 2 กฎ กฎแรกคือ “กฎแห่งการสั่นสะเทือน” ที่บอกว่าถ้าเราอยากได้ความรู้สึกดี เราต้องสร้างความรู้สึกดีขึ้นมาก่อน แล้วความรู้สึกดีที่เราสร้างขึ้นจะไปดึงดูดความรู้สึกดีอีกมากมายเข้ามา ส่วนอีกข้อคือ “กฎแห่งแรงดึงดูด” ที่บอกว่าเราสามารถดึงดูดสิ่งที่ต้องการเข้ามาในชีวิต ด้วยการคิดถึงสิ่งนั้นอย่างจริงจัง
ผู้เขียนยกตัวอย่างการใช้กฎแห่งแรงดึงดูดว่า ตอนสมัยเรียนตัวเขาเกือบเรียนไม่จบ เพราะมีปัญหาตอนทำโปรเจคจบ แต่เขาก็ผ่านมาได้ ด้วยการทำบัตรคะแนนจำลองขึ้นมาว่าตัวเขาเรียนจบด้วยเกรดที่ดี แล้วเขาก็นั่งจ้องเกรดนั้นไปทุกวัน แต่ก็ไม่ได้แค่นั่งจ้องเฉยๆ ระหว่างนั้นก็ทุ่มเทพลังทั้งหมดทำงานให้เสร็จด้วย จนสุดท้ายเขาก็เรียนจบ
ผู้เขียนมีความเชื่อว่าการปรับมุมมองความคิดของเรา มีผลมากๆ ที่จะช่วยดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาหาตัวเราเพิ่มอีกในอนาคต แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนที่เจอกับปัญหาหรือความผิดพลาดในชีวิต ก็ไม่ง่ายเลยที่จะบังคับให้ตัวเราคิดบวกต่อไป ถ้าใครกำลังเป็นแบบนี้อยู่หนังสือเล่มนี้ช่วยได้ค่ะ
สำหรับเราหนังสือเล่มนี้ ทั้งช่วยเติมพลังบวกและมอบมุมมองความคิดดีๆ ให้กับเรา เหมือนเป็นหนังสือ How to การสร้างพลังบวกในโลกที่เต็มไปด้วยพลังลบมากมาย มีข้อคิดหลายข้อในหนังสือเล่มนี้ที่เราอยากให้ทุกคนได้อ่าน วันนี้เราเลยจะมายกตัวอย่างข้อคิดบางส่วนให้ทุกคนได้ฟังกันค่ะ
1.เริ่มเปลี่ยนตัวเองด้วยการเปลี่ยนภาษากาย: ปกติเราจะนึกว่าการเพิ่มพลังบวก จะต้องเปลี่ยนมุมมองความคิดเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วการเปลี่ยนภาษากายก็สำคัญมาก มีการศึกษาบอกไว้ว่า การแกล้งยิ้มจะหลอกสมองให้คิดว่าเรามีความสุขจริงๆ และปล่อยฮอร์โมนแห่งความสุขที่ชื่อเอนดอร์ฟินออกมา
2.ค้นหาแรงบันดาลใจ: ทุกวันนี้เราสามารถหาแรงบันดาลใจได้ง่ายมากตามสื่อต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เราชอบประโยคนึงมาก ผู้เขียนบอกว่าการเรียนรู้ความยากลำบากของคนอื่น ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดและมองว่าความล้มเหลวจะไม่ใช่จุดจบ ตราบที่เค้ายังไม่ล้มเลิกที่จะทำสิ่งนั้น
3.เลือกมิตรแท้: ผู้เขียนแนะแนวทางการเลือกคบเพื่อนเอาไว้ อันดับแรกถ้ากลุ่มเพื่อน ทำให้เราสงสัยว่าในกลุ่มมีคนอิจฉาหรือเกลียดเรา ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่ากลุ่มนั้นอาจจะไม่ใช่มิตรแท้และที่สำคัญคือควรที่จะเลือกคบคนที่มีความถี่ใกล้ๆ กัน พูดให้ชัดขึ้นคือ ถ้าเราเป็นคนที่ไม่ชอบย่ำอยู่กับที่ แล้วไปคบเพื่อนที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง สุดท้ายเราก็จะกลายเป็นคนที่ย่ำอยู่กับที่ในที่สุด
4.กล้าเผชิญหน้ากับครอบครัว: เมื่อเกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างเราและพ่อแม่ ไม่อยากให้มองท่านในแง่ลบ อยากให้เปลี่ยนไปทำความเข้าใจมากกว่า ว่าพวกท่านเติบโตมาในสภาพสังคมที่ต่างจากเรา จึงไม่แปลกเลยที่ท่านจะเห็นต่างจากเรา ดังนั้น เราจึงควรหาว่าอะไรที่ทำให้พ่อแม่กังวลใจ จนมาห้ามเราไม่ทำสิ่งต่างๆ แล้วหาทางอธิบายเพิ่มในสิ่งที่ท่านยังไม่เข้าใจ
5.พยายามทำให้ทุกคนพอใจ: ในความจริงการทำให้ทุกคนพอใจเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แล้วถ้าเกิดเราไปพยายามทำให้ทุกคนพอใจแล้วทำไม่ได้ สุดท้ายแล้วคนที่จะรู้สึกแย่คือตัวเรา ที่จะโทษตัวเองว่าทำให้ทุกคนพอใจไม่สำเร็จ
6.เปรียบเทียบเฉพาะกับตัวเอง: ข้อคิดนี้เราว่าถ้าทำได้จะดีมาก แต่บางครั้งก็ยากเหมือนกันที่จะบังคับความคิดไม่ให้เราเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น เพราะนึกดูๆ ดี เราอยู่ในสังคมที่กระตุ้นให้เกิดการเปรียบเทียบมาตลอด ตั้งแต่ตอนเด็กที่พ่อแม่มักจะเอาลูกของตัวเองไปเทียบกับลูกคนอื่น หรือโตมาก็ยังต้องเจอกับการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ที่กระตุ้นให้เกิดการเปรียบเทียบต่อ เช่น ถ้าใครไม่ใช้มือถือยี่ห้อ xx หรือว่าขับรถยี่ห้อ YY ถือว่าตกยุค เป็นต้น
7.อ่อนโยนและให้อภัยตัวเอง: เรื่องนี้เป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ทำได้ยากมาก เพราะปกติเวลาทำผิดพลาดสิ่งแรกที่เรามักจะทำก่อนคือการโทษตัวเอง ผู้เขียนแนะว่าถ้าอยากให้อภัยตัวเอง ความจริงข้อนึงที่ต้องนึกไว้เสมอ คือ การทำร้ายตัวเองจะไม่เปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้น การเรียนรู้ข้อผิดพลาดที่แล้วเอากลับมาพัฒนาตัวเองเลยเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
สิ่งที่เล่าไปเป็นเพียงข้อคิดบางส่วน ยังมีข้อคิดอีกเยอะมากที่อยู่ในเล่มที่รอให้ทุกคนไปอ่าน ซึ่งเราว่าแต่ละข้อคิดมันดีมากๆ มันเป็นข้อคิดที่ถูกกรองมาแล้วว่านำไปใช้ได้ทันทีและระหว่างอ่านถ้ามีข้อคิดหรือคำพูดไหนที่สำคัญ ผู้เขียนก็จะทำให้ข้อความนั้นเด่นขึ้นมา การทำแบบนี้ช่วยให้เราจับใจความสำคัญตอนอ่านได้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ
สรุปรวมๆ หนังสือเล่มนี้กำลังจะบอกให้เราเปลี่ยนตัวเองไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้น ด้วยการเริ่มสร้างพลังบวกให้ตัวเองเยอะๆ ทำให้ตัวเองรู้สึกดีก่อน พร้อมลงมือทำอย่างมุ่งมั่นควบคู่ไปด้วย เพราะในบางทีการใช้ชีวิตที่ “รู้สึกดี” ไปตลอด อาจเป็นสิ่งที่เราต้องการ มากกว่าความสำเร็จที่อยู่ที่เส้นชัยก็ได้ค่ะ
Favorite quote
คุณไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้ ด้วยความคิดที่รั้งคุณไว้ (หน้า 137)
Score Explanation
Writing Style: 9/10
เพราะผู้เขียนใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย อีกทั้งยังมีการยกทฤษฎี งานวิจัย และเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จมาประกอบการเล่าตลอดทั้งเล่ม ซึ่งมันทำให้อ่านแล้วไม่เบื่อเลย
Time worthiness: 8/10
เพราะแบ่งสัดส่วนของเนื้อหาในแต่ละบทได้ดี
Content Usefulness: 10/10
เพราะเราว่าข้อคิดที่อยู่ในเล่มนี้มีประโยชน์สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนวัยไหนก็อ่านได้หมด
จบไปแล้วกับรีวิวหนังสือ GOOD VIBES GOOD LIFE ใช้คลื่นพลังบวก ดึงดูดพลังสุข หนังสืออีกเล่มที่นำเสนอมุมมองดีๆ ให้คุณได้ลองฝึกคิดบวกเพื่อทำให้ความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้น ใครที่อ่านรีวิวจบแล้วคงจะตระหนักได้เป็นอย่างยิ่งเลยว่าจุดเริ่มต้นของความสุขนั้นเริ่มจากความคิดของเรานี่แหละค่ะ หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยนักอ่านที่แวะเวียนเข้ามามีความสุขเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ขอบคุณเพจ รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก ที่มารีวิวหนังสือดีๆ น่าสนใจเล่มนี้กันค่ะ และสำหรับใครที่มองหาหนังสือหรือบทความที่แนะนำ รีวิวหนังสือที่น่าสนใจอย่าลืมแวะมาอ่านกันได้ที่ article.reeeed.com เรามีหนังสือดีๆ มาแนะนำกันและป้ายยากันเสมอนะคะ