เวอร์จิเนีย วูล์ฟ (Virginia Woolf) เป็นนักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษ เธอเป็นนักเขียนที่มีลักษณะการใช้ภาษาที่โดดเด่นในการเล่าเรื่องราวกับเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง ตัวเธอนั้นเป็นบุตรสาวของนักเขียนและนักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นเช่นกัน ทำให้เธอได้รับการศึกษาเกี่ยวกับวรรณกรรมและประวัติศาสตร์เป็นอย่างดีโดยเฉพาะวรรณกรรมยุควิกตอเรีย อีกทั้งเธอยังเป็นหนึ่งในคนที่มีส่วนในการขับเคลื่อนขบวนการเสรีนิยมในช่วงปี 1900 อีกด้วย
ในสมัยสงครามโลกเธอเป็นหนึ่งในนักเขียนที่ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการวรรณกรรมและยังได้ปล่อยผลงานแรกออกมาในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานของเธอถูกกล่าวถึงและวิจารษ์ในแนวทางของเสรีนิยมอย่างกว้างขวางทั้งยังก่อให้เกิดแรงบันดาลใจต่อแนวคิดสตรีนิยมเป็นอย่างยิ่งส่งผลให้งานเขียนของเธอถูกแปลไปกว่า 50 ภาษาทั่วโลกในเวลานั้น ทั้งชีวิตของเธออุทิศให้กับงานเขียนและวงการวรรณกรรมพร้อมๆ ความทรมานของอาการป่วยทางจิตก่อนที่เธอจะจมน้ำเสียชีวิตในปี 1941
ผลงานน่าสนใจของ เวอร์จิเนีย วูล์ฟ (Virginia Woolf)
To The Lighthouse
นิยายที่พูดถึงคู่แต่งงานวัยกลางคนที่ไปพัก ณ บ้านพักตากอากาศกับลูกทั้งแปดคน พวกเขาต้องเผชิญกับความขัดแย้งทั้งในครอบครัวเองและแขกเหรื่อที่มาด้วย หนังสือเล่มนี้สามารถเสกเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันอันแสนธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งที่มีมนตร์ขลังแสนวิเศษราวกับเทพนิยายนอกจากนี้ยังประกาศเจตนารมณ์ทางสตรีนิยม โดยตีแผ่และท้าทายบทบาทของเพศวิถีตามขนบธรรมเนียมประเพณีในยุคสมัยนั้น และเป็นราวกับการประกาศสงคราม ซึ่งให้คำมั่นว่าจะต่อสู้กับความผิดพลาดในอดีตสิ่งสำคัญที่สุดซึ่งหนังสือเล่มนี้ฝากเอาไว้คือการที่ตัวบทสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่และคงทนถาวรขึ้นมาจากช่วงเวลานาทีและความรู้สึกที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
Orlando : A Biography
เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลที่กลายเป็นทั้ง 2 เพศได้โดยในตอนแรกออร์แลนโดเป็นขุนนางหนุ่มอังกฤษ ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะตื่นมาพบว่ากลายเป็นผู้หญิง การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าและไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เขา(เธอ)ก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการใช้ชีวิตได้ทั้งในฐานะผู้หญิงและผู้ชาย โดยหนังสือเรื่องนี้มีความต้องการประชดประชันบทบาทของผู้หญิงในศตวรรษที่ 18 และ 19 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมกันของทั้งสองเพศ
A Room of One’s Own
งานเขียนชิ้นนี้ของ “เวอร์จิเนีย วูล์ฟ” กล่าวได้ว่าเป็นงานเขียนที่ท้าทายความเชื่อและค่านิยมในสมัยนั้นที่ผู้หญิงถูกตีกรอบเอาไว้ในค่านิยมแบบวิกตอเรียน เธอได้เปรียบให้เห็นว่าแม้แต่ผู้หญิงเองก็ต้องการห้องที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวและจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพของตนเอง โดยเธอได้เล่าประสบการณ์ที่พบเจอจากการไปบรรยายที่ Newnham College และ Girton College ซึ่งเป็นวิทยาลัยสตรีสองแห่งที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เนื้อหาในหนังสือนั้นไม่ได้เสื่อมลงตามกาลเวลาเพราะจนถึงทุกวันนี้ผู้หญิงยังสู้เพื่อสิทธิและความเสมอภาคของตนเองอยู่เช่นเคย