หนังสือได้เปรียบเทียบมนุษย์แบบพวกเรากับสัตว์อย่างเช่นหนูแฮมเตอร์หรือกระรอกที่เมื่อเราป้อนอาหารของมันไม่ว่าจะให้ไปมากเท่าไหร่พวกมันก็จะกักเก็บอาหารเหล่านั้นเอาไว้ในแก้มตุ้ยนุ้ยแสนน่ารักทั้งสองข้าง แต่เมื่อเราให้จนแก้มทั้งสองของมันไม่สามารถเก็บอาหารไว้ได้อีกต่อไปอาหารเหล่านั้นก็จะถูกปล่อยออกมาทั้งหมด เปรียบเสมือนกับชีวิตของมนุษย์ที่มักจะเก็บหรือแบกรับเรรื่องราวต่างๆในชีวิตไว้มากมายที่เราสามารถคิดว่าเรารับไว้ แต่สุดท้ายเมื่อถึงสุดหนึ่งที่มันเกินจะรับทุกสิ่งอย่างจะถูกคายระระบายออกมาเหมือนกับอาหารของเหล่าหนูทั้งหลาย และจะเป็นกการดีกว่าไหมถ้าเราเรียนรู้ที่จะปล่อยวางเรื่องต่างๆ ตั้งแต่แรกไม่ต้องรอให้ถึงเวลาที่ต้องคายมันออกมา รู้จักวิธีที่จะพักผ่อนจิตใจในวันที่รับไม่ไหว เพื่อฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาดีดังดิม
รีวิว ภาระที่แบกไว้คายออกมาเถอะนะ
หนังสือได้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 6 บทที่จะกล่าวถึงวิธีและเทคนิดทั้งการฟื้นฟูจิตใจของตนเองและเรียนรู้ที่จะวางเรื่องที่ตนเองกังวลลงไป
บทที่ 1แบกหนักเกินไปหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นละก็สับ “สวิตซ์”ซะ
บทที่จะเริ่มจากการให้คุณหลีกเลี่ยงสภาวะที่ไม่จำเป็นต่าง สิ่งไหนที่ไม่จำเป็นต้องคิดก็ลดปัจจัยที่ต้องทำให้คิดน้อยลง อย่างเช่นเรื่องง่ายอย่างการเลือกเสื้อผ้า หนังสือก็แนะนำให้เรานำเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่ทิ้งไปซะ เหลือเพียงตัวที่เราใช้บ่อยๆ ใส่ประจำ เพื่อลดการคิดว่าวันนี้ต้องใส่อะไร ซึ่งจะเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตที่เรามักคิดเล็กคิดน้อยมากจนเกิดไป ยิ่งคิดก็ยิง่เกิดปัญหา ยิ่งหากเป็นคนใจร้อนก็ยิ่งส่งผลร้ายต่อตรเอง อีกปัจจุยสำคัญคือการเรีนรู้ที่จะตอบบ่ายเบี่ยงเพื่อไม่ให้ตนเองต้องแบกรับอะไรที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง หลีกเลี่ยงที่จะตอบโต้เพื่อไม่ให้เกิดอารมณ์โกรธหรือหงุดหงิด เพื่อที่เราสามารถใช้ชีวิตโดยไม่ยึดติดกับความโกรธได้ สุดท้ายอย่าลืมให้คะแนนความยุ่งของตนเองสำหรับวันนี้ เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นวันที่หนักหนาขนาดไหน
บทที่ 2 เป็นคน “เห็นแก่ตัว” สักหน่อยก็สนุกไม่น้อย เราเหยียบคันเร่งให้ตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า
แนะนำให้เราลองมีนิสัยแกล้งไม่รู้ไม่เห็นเสียบ้าง บ่อยครั้งที่เราเห็นแล้วก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องช่วยสิ่งนั้นจะเป็นการเพิ่มภาระให้เราเสียเปล่าๆ และอยากให้เราได้ซื่อสัตย์กับใตตัวอย่างการบอกว่าอยากมีเงินเยอะๆ ไม่ใช่เรื่องผิดและไม่ต้องมีใครสนใจว่าจะมองเราเป็นอย่างไร พร้อมเรียนรู้วิธีใจเย็นเมื่อเราต้องพบกับความหงุดหงิด หนังสือเปรียบการหยุดหงิดหรือโกรธเหมือนน้ำที่กำลังขุ่นมัวไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย แต่ถ้าหากปล่อยไว้สักพักไม่กวนให้มันขุ่น น้ำเหล่านั้นจะตกตะตอนและกลายมาใสดังเดิมอยุ่ดี สุดท้ายคือการเป็นตัวของตัวเองไม่ต้องสร้างภาพให้ใครมามองว่าคุณเป็นคนดี แค่เป็นตัวเองที่มีความสุข แม้จะดูเห็นแก่ตัวสสักหน่อยก็ไม่เป็นไร
บทที่ 3 จิตวิทยาที่ทำให้จิตใจผ่อนคลาย ไม่ต้องปั้นหน้ายากอีกต่อไป
การเปลี่ยนตัวเองให้เป็นตัวตลกในที่ทำงานก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป เพราะด้วยวิธีนี้อาจจะเป็นการเพิ่มสีสันและสร้างบรรยากาศที่ดีให้ที่ทำงานก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังแนะนำเทคนิคการระบายความร้อนรนใจใน 1 นาทีที่ควรนำไปปฏิบัติตามดูอีกด้วย อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของความเครียดปัจจุบันคือโซเชียลมีเดียร์ หนังสือเลยแนะนำให้เราลดการใช้โซเชียลลง อาทิ การไม่เล่นโทรศัพท์ขณะรับประทานอาหารกลางวันหรือแม้แต่ทำอย่างอื่นควบคู่ไปกับการรับประทานอาหาร สุดท้ายที่วิธีการทำให้ใจผ่อนคลายลงโดยการคุยกับใครสักคนหรือพยายามทำสมาธิไม่ปล่อยให้อารมณ์ตนเองแปรปรวน
บทที่ 4 คนที่รักตนเองจะเป็นคนคิดบวกอยู่เสมอ “การยอมรับตัวเอง” ที่ช่วยคลายความเหนื่อยล้าของจิตใจคืออะไร?
หนังสือแนะนำให้เราเขียนจ้อดีตัวเองออกมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกให้กับตนเองและจิตใจของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นำความภาคภูมิใจที่เราเคยทำอะไรสำเร็จก็ตามแต่มาเป็นแรงผลักดันและแรงจูงใจ หลีกเลี่ยงปัจจุยที่ทำให้เราต้องพบเจออารมณ์เชิงลบและพยายามสร้างอารมณ์เชิงบวกอยู่เสมอ เรียนรู้ที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นบ้างในยามที่ตัวเองทุกข์ใจและลองพยายามหลงรักตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็นให้ได้
บทที่ 5 เคล็ดลับการกำจัด “ความหงุดหงิด” “ความกลุ้มใจ กังวลใจ” เพียงแค่รู้ก็ต่างชั้นกันแล้ว
พบกัยวิธีแก้ไขสถานการณ์ที่ยุ่งเยิงจนเกินที่คุณจะรับมือ แต่สิ่งที่หนังสือบอกคือการที่คุณจะพุ่งใส่ความโกรธนั้นไม่ใช่สิ่งที่สมคววรนัก แต่ควรใช้วิธีอื่นในการหยุดตัวเองเมื่อต้องพบเจอความหงุดหงิดหรือความคิดที่ฟุ้งซ่าน หากเรากำลังคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีอยู่ให้ตระหนักรู้ตัววเองให้ไวและเลิกคิดถึงสิ่งนั้นซะ เพราะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมานอกจากเราเองที่ทุกข์ใจ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเปลี่ยนอุปสรรคที่พบเจอให้กลายเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญ เพราะมีเพียงคนที่ก้าวผ่านความยากลำบากเท่านั้นที่จะเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข้ง
บทที่ 6″อารมณ์” ของเราจะไปทิศทางไหน ใช้ช่วงเวลานี้สังเกตจิตใจที่ผ่อนคลาย
แนะนำวิธีเอาชนะสิ่งที่หัวใจเรามองว่ามันยุ่งยากเกินไป โดยการกำหนดเป้าหมายให้ใหญ่แต่เป็นสิ่งที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เรียนรุ้จะใช้เพลงเพื่อช่วยรำบัดอารมณ์ของเราให้ดียิ่งขึ้น ระลึกถึงความทรงจำดีๆ เพื่อให้สิ่งเหล่านั้นเป็นแรงขับเคลื่อนในชีวิต หรือการใช้เวลาทำกิจกรรมกับคนที่เรารัก ครอบครัว ลูก แฟน ชวนเพื่อนสนิทไปแฮ็งเอาค์กอดขอกันเมาระบายเรื่องที่เหนื่อยล่าก็ถือว่า้ป็นวิธีการที่ไม่เลวเหมือนกัน
และทั้งหมดคือรีวิวหนังสือ “ภาระที่แบกไว้คายออกมาเถอะนะ”จากสำนักพิม์ Bloom ที่เต็มไปด้วยเทคนิคในการผ่อนคลายคนเองและจิตใจให้พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ เสมอ รสมทิ้งการทิ้งเรื่องราวบางอย่างที่ไม่จำเป็นหรือหาภาระที่ไม่จำเป็นใส่ตัวเพิ่ม อย่าลืมติดตามบทความรีวิวแนะนำหนังสือได้ใหม่ที่ article.reeeed.com นะคะและใครที่มองหาร้านหนังสือออนไลน์อย่าลืมเข้ามาอ่านหนังสือได้ที่ Reeeed.com นะคะ เรามีหนังมือมากมานรอนักอ่านทุกท่าน หรือใครที่สนในบทความก็สามารถแวะเข้ามาอ่านที่ article.reeeed ได้เสมอนะคะ