เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำพูดว่า “ดินแดนพระอาทิตย์ไม่ลับขอบฟ้า” สมญาดังกล่าวนั้นถูกมอบให้แก่อังกฤษในสมัยที่ยังเป็นมหาอำนาจล่าอาณานิคมอยู่ในยุคกลาง ในช่วงเวลาดังกล่าวอังกฤษครอบครองดินแดนมากมายไปทั่วโลก ทุกทวีป ทุกภูมิภาคต่างมีอาณานิคมของอังกฤษอยู่ไม่มากก็น้อย โดยผลกระทบการจากเข้าไปครอบครองดินแดนอาณานิคมของอังกฤษนั้นมีมากมาย ทั้งด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ หรือการเมืองและก็ยังมีผลกระทบที่ตามมาทั้งด้านดีและด้านความวุ่นวายมาจนถึงปัจจุบัน วันนี้เราจะพานักอ่านทุกท่านไปดูกันว่ามีผลกระทบใดบ้างที่เกิดจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ
การล่าอาณานิคมของอังกฤษ
การล่าอาณานิคมของอังกฤษ (Colonization of England) เป็นการเข้ายึดครองดินแดนต่างๆ ของอังกฤษในศตวรรษที่ 16 ถึง 19 โดยเฉพาะในทวีปอเมริกา อังกฤษครอบครองดินแดนไปกว่า 13 รัฐของสหรัฐอเมริกา (New Hampshire, Massachusetts, Rhode Island, Connecticut, New York, New Jersey, Pennsylvania, Delaware, Maryland, Virginia, North Carolina, South Carolina, และ Georgia) ในสมัย คิงเจมส์ที่หนึ่ง ในช่วงศตวรรษที่ 17 อังกฤษล่าและครองดินแดนอีกหลายแห่งในทวีปอเมริกา รวมถึงครอบครองดินแดนสำคัญในการค้าขายฝั่งเอเชีย เช่น อินเดีย ออสเตรเลีย และฟิจิ ซึ่งทำให้อังกฤษเป็นหนึ่งในเจ้ามหาอำนาจที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกในสมัยนั้น
การล่าอาณานิยมของอังกฤฤษทำให้อังกฤษมีอิทธิพลในการพัฒนาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโลกโดยมีการกระจายไอเดียและพื้นฐานวัฒนธรรมของอังกฤษไปยังทวีปอเมริกาและส่งผลต่อการพัฒนาของอเมริกันด้วย โดยมีผลกระทบที่หลากหลายต่อการพัฒนาองค์กร การเมือง การเกษตร วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในทวีปอเมริกา นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นจากการถูกครอบโครงโดยอังกฤษ
นอกจากนี้ การล่าอาณานิคมของอังกฤษยังมีผลกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจของโลก โดยการครองอาณานิคมช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนในพื้นที่ใหม่ อาทิเช่น การปลูกผักและผลไม้ในภูมิภาคตะวันตกของอเมริกา การปลูกไผ่ในเอเชีย และการค้าสมัยใหม่ของอังกฤษในตะวันออก นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อการเมืองและกฎหมายของโลกโดยการล่าอาณานิคมที่สร้างสรรค์พันธกิจเชิงพาณิชย์และการครองความเป็นอยู่ในพื้นที่ใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม การล่าอาณานิคมของอังกฤษยังมีผลกระทบที่ไม่ดีต่อประชากรและวัฒนธรรมของพื้นที่เหล่านั้น ซึ่งรวมถึงการทำลายและสับสนความเป็นอยู่ของชนเผ่าท้องถิ่น การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม การสร้างความไม่เท่าเทียมและการใช้ความรุนแรงเพื่อครองดินและทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งและการต่อสู้ระหว่างชนเผ่าและอาณานิคม ในปัจจุบันอังกฤษได้แสดงความเสียใจเกี่ยวกับการล่าอาณานิคมของตนในอดีต และส่งเสริมความหลากหลายวัฒนธรรมและการเป็นอยู่ร่วมกันในสังคมสมัยใหม่
ผลกระทบต่างๆ จากการล่าอาณานิยมของอังกฤษ
1.การล่าอาณานิคมของอังกฤษในทวีปอเมริกาเหนือ เมื่ออังกฤษได้ย้ายชาวพื้นเมืองจากอินเดียไปยังประเทศเอสเปรันโตและเขตรัฐบาหลีใต้ ซึ่งทำให้มีการพัฒนาชุมชนอินเดียในประเทศเหล่านี้ นอกจากนี้ยังได้ยึดเกาะเกาะบาเบโดสเป็นอาณานิคมซึ่งเป็นเกาะสำคัญที่สามารถผลิตชาและกาแฟได้ในยุคสมัยดังกล่าวและปลูกปาล์มน้ำมันสำหรับส่งออกในภายหลัง
2.อังกฤฤษได้ครอบครองฮ่องกงและมาเลเซีย ซึ่งทำให้มีการส่งออกสินค้าและการค้าขายที่เกิดขึ้นอย่างมากมายระหว่างอังกฤษและประเทศเหล่านี้ ทั้งอังกฤษยังได้รับผลประโยชน์มากมายจากการเก็บภาษีท่าเรือ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยเหตุผลดั่งกล่าวก็ส่งผลให้ประเทศในแถบดั่งกล่าวมีความเจริญด้านเศรษฐกิจตามมาหลังยุคล่าอาณานิคม โดยเฉพาะภายหลังที่อังกฤษได้เช่าเกาะฮ่องกงจากจีนและกลายเป็นศุนย์กลางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งในเอเชีย
3.การล่าอาณานิคมของอังกฤษในคาบมหาสมุทรอินเดีย เมื่ออังกฤษได้ครอบครองอินเดียทำให้เกิดการส่งออกสินค้าอินเดียไปยังอังกฤษอย่างมากมาย และเป็นต้นแบบการค้าขายระหว่างประเทศที่มีอิทธิพลต่อการค้าขายในโลกสมัยใหม่ ซึ่งสินค้าสำคัญที่ทำให้อังกฤษได้รับประโยชน์จากอินเดียอย่างมาก อาทิ พริกไทย ผ้า โดยเฉพาะพริกไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอังกฤษ ทั้งยังทีการตั้งสถานที่ราชการและบริษัทสำคัญๆ ขึ้นในอินเดียเ
4.อังกฤษได้ครอบครองออสเตรเลียในช่วงปี ค.ศ. 1788-1850 ทำให้เกิดการประกอบอุตสาหกรรมและการค้าขายกันระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในออสเตรเลียในภายหลัง เนื่องจากนี้ยังมีการย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากมากมายส่งผลให้มีการเจริญเติบโตของเมืองและการค้าในพื้นที่ แม้ในช่วงแรกจะมีปัญหาเรื่องการล่าจิ้งโจ้อย่างหนัก แต่ในปัจจุบันมีการรณงรงคืจนมีจำนวนจิ้งโจ้เยอะจนรัฐบาลอนุญาตให้ล่าได้แล้ว
5.อังกฤษได้ครอบครองอินโดนีเซียในช่วงปี ค.ศ. 1811-1949 ซึ่งทำให้มีการส่งออกสินค้าและการค้าขายกันระหว่างอังกฤษและอินโดนีเซีย และส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในอินโดนีเซีย มีการก่อตั้งบริษัทชาวอังกฤษเพื่อการค้าและการลงทุนในอินโดนีเซีย เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก บริษัทแห่งชาติอินเดีย และบริษัทสหกรณ์อินเดีย ซึ่งได้เข้ามาครอบครองดินแดนและส่วนที่สำคัญของอุตสาหกรรมของอินโดนีเซีย การเข้ามาของอังกฤษส่งผลให้เกิดการแข่งขันเพื่อครอบครองดินแดนในอินโดนีเซียระหว่างอังกฤษกับประเทศต่างๆอย่างเดียวกัน เช่น ฮอลแลนด์ โปรตุเกส และสเปน โดยประเทศอินโดนีเซียเองก็ต้องเผชิญกับการแบ่งแยกของอำนาจระหว่างแต่ละประเทศเหล่านี้
6.อังกฤษได้เข้ามาครอบครองดินแดนในอียิปต์ในช่วงปี 1882-1952 เพื่อเพิ่มการค้าและการครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งทำให้มีการค้าขายสินค้าและการเข้าร่วมกับสังคมอาหรับและมีผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมใอียิปต์ อีกทั้งยังมีการแข่งขันกับประเทศอื่นๆในการค้าขายสินค้าอาหรับ ทำให้อาจเกิดการขาดแคลนสินค้าในตลาดโลก โดยเฉพาะสินค้าจำพวก ผ้าไหม, น้ำมันและอัญมณี
และนี้คือผลกระทบบางส่วนจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษค่ะ การล่าอาณานิคมของอังกฤษมีผลกระทบต่อประเทศต่างๆในโลกในหลายด้าน เช่น การเปิดตลาดของอังกฤษส่งผลให้เกิดการค้าขายกันระหว่างประเทศและการแข่งขันเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่อังกฤษได้ครอบครอง โดยเฉพาะในการสร้างอุตสาหกรรมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม การล่าอาณานิคมของอังกฤษยังมีผลกระทบทางลบต่อประชากรและสังคมในประเทศที่อังกฤษได้เข้าไปครอบครองด้วย โดยเฉพาะในการใช้คนและทรัพยากรของประเทศเหล่านั้นในการพัฒนาเอง สำหรับใครที่สนใจผลกระทบแบบละเอียดเราของแนะนำหนังสือ จักรวรรดิจอมเขมือบ The Hungry Empire จากสำนักพิมพ์ยิปซีที่ได้รวมทุกแง่มุมของการเข้าไปยึดครองอำนาจในยุคล่าอาณานิคมของอังกฤษค่ะ สุดท้ายนี้อย่าลืมติดตามบทความรีวิวแนะนำหนังสือหรือนักเขียนและสาระดีๆ ได้ที่ article.reeeed.com นะคะ และใครกำลังมองหาร้านหนังสือออนไลน์ที่มีจำหน่ายทั้ง e book หนังสือเล่ม นิยายรายตอน สามารถแวะมาเลือกหาหนังสือได้ที่ Reeeed.com นะคะ เรามีหนังสือมากมายรอนักอ่านทุกท่านมาค้นหาอยู่เสมอ
ลูกสาวคนสวยของหัวหน้าเผ่าชาวแอฟริกันแบ่งสับปะรดแก่พ่อค้าทาส นักสำรวจในบริติชโคลัมเบียกินเนื้อกระต่ายกระป๋องจากออสเตรเลีย นักขุดเพชรในกายอานาเตรียมปรุงแกงอิกัวนา มื้ออาหาร 20 มื้อในหนังสือเรื่อง ‘จักรวรรดิจอมเขมือบ’ บอกเล่าวิธีการสร้างเครือข่ายการค้าทั่วโลกของชาวอังกฤษ และการซื้อขายแลกเปลี่ยนอาหาร ที่ทำให้ผู้คนและพันธุ์พืชจากทวีปหนึ่งกระจายไปสู่อีกทวีปหนึ่ง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์และรสนิยมการปรุงอาหาร การเป็นชาวอังกฤษคือการกลืนกินโลกทั้งใบ จักรวรรดิทำให้อังกฤษสามารถควบคุมทรัพยากรอาหารของโลก ตั้งแต่ปลาค็อดและเนื้อเค็มไปจนถึงเครื่องเทศ ชา และน้ำตาล ในศตวรรษที่ 20 ข้าวสาลีสำหรับทำขนมปังของคนงานมีแคนาดาเป็นผู้จัดหามาให้ ส่วนขาแกะสำหรับมื้ออาหารวันอาทิตย์ก็มาจากแกะที่ถูกขุนในทุ่งหญ้าของนิวซีแลนด์
ซื้อหนังสือ จักรวรรดิจอมเขมือบ The Hungry Empire