หากย้อนไปหลายปีก่อนนั้นหนังสือที่จะได้รับรางวัลโนเบลส่วนใหญ่มักจะมาจากฝั่งตะวันตก เหตุผลใหญ่ๆ นั้นก็เพราะภาษาอังกฤษถูกใช้เป็นภาษาหลักทั้งทางรางการและบทประพันธ์ จึงเป็นเรื่องยากที่งานเขียนจากภาษาอื่นๆ ที่มีคนใช้น้อยจะถูกหยิบขึ้นไปให้รางวัลสร้างความกังขาในรางวัลตลอดจวบจนปัจจุบัน ในวงการวรรณกรรมญี่ปุ่นเองงานเขียนชิ้นแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลนั้นเป็นของ ยาซูนาริ คาวาบาตะ (Yasunari Kawabata) แน่นอนว่าในยุคสมัยที่งานเขียนภาษาอื่นเข้าไปชิงรางวัลได้ยาก การที่ผลงานของชายคนนี้ถูกแปลออกไปจนเข้าตากรรมการย่อมการันตีถึงคุณภาพและความน่าสนใจ ในวันนี้เราจะมาพานักอ่านทุกคนไปรู้จักนักเขียนท่านนี้และผลงานที่ส่งให้เขาได้รับรางวัลในที่สุด
ประวัติ ยาซูนาริ คาวาบาตะ (Yasunari Kawabata) นักเขียนชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รางวัลโนเบล
ยาซูนาริ คาวาบาตะ (Yasunari Kawabata) เกิด 14 มิถุนายน ค.ศ. 1899 เขาต้องกำพร้าตั้งแต่อายุสี่ขวบ หลังจากนั้นเขาอาศัยอยู่กับปู่ย่าของตนเอง พี่สาวเพียงคนเดียวก็ถูกแยกกันโดยป้าเป็นผู้นำไปดูแล ทั้งสองได้พบกันเพียงครั้งเดียวตอนคาวาบาตะอายุ 10 ขวบเพราะหลังจากนั้นพี่สาวก็เสียชีวิตลง หลังจากนั้นไม่นานปู่และย่าก็เสียชีวิตทำให้เขาต้องย้ายไปอยู่กับญาติฝั่งแม่ แต่ก็เลือกที่จะเรียนอยู่ในหอพักของโรงเรียนมากกว่าเดินทางกลับบ้าน
งานเขียนช่วงมัธยมของเขานั้นสะท้อนถึงความรู้สึกที่เหินห่างกับผู้อื่น ตัวละครที่เขาเขียนขึ้นมามักมีกำแพงที่ไม่มีใครสามารถก้ามผ่านมาในชีวิตได้ เหตุผลหนึ่งอาจเพราะชีวิตอันแสนโดดเดี๋ยวของเขาเป็นอิทธิพลต่องานเขียนในช่วงนั้น ต่อมาภายหลังงานเขียนของเขาได้ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร และเรื่องสั้นของเขาเริ่มถูกเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ
คาวาบาตะเป็นนักเขียนชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี 1968 โดยงานเขียนของเขานั้นถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ โดยการผสานความงดงามของบทร้อยกรองแบบญี่ปุ่นลงในผลงานของตนเอง ทำให้ผลงานมีลักษณะเด่นกว่านักเขียนคนอื่นๆ ผลงานที่สร้างชื่อให้กับคาวาบาตะนั้นคือ Snow Country และ The Old Capital ที่นำเอาสังคมและเรื่องราวในญี่ปุ่นมาตีความและขยายออกมาให้ผสมกับบทร้อยกรองแบบดั่งเดิมจนทำให้ผู้คนที่ได้อ่านหลงเสน่ห์ทั้งงานเขียนและตัววัฒนธรรมที่บรรจุลงในเรื่อง
ผลงานส้รางชื่อของ ยาซูนาริ คาวาบาตะ (Yasunari Kawabata)
Snow Country
เป็นนวนิยายของนักเขียนชาวญี่ปุ่น ยาสุนาริ คาวาบาตะ นวนิยายเรื่องนี้ถือเป็นงานวรรณกรรมคลาสสิกของญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในสามนวนิยายที่คณะกรรมการโนเบลอ้างถึงเมื่อคาวาบาตะได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม
เรื่องราวของชิมูระที่นั่งรถไฟเพื่อไปยังเมืองออนเซ็นอันห่างไกล ชิมามูระเป็นชายหนุ่มที่มีภรรยาแล้ว เป็นผู้สืบทอดตระกูลที่มั่งคั่ง แต่ระหว่างการเดินทางเขาได้พบหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกพิเศษ ต่อมาภายหลังชิมามูระได้พบหญิงสาวคนดังกล่าวนาม โคมาโกะ เธอทำหน้าที่เป็นเกอิชา หลังจากทั้งคู่รู้จักกันไม่นานโคมาโกะก็ตกหลุมรักชิมามูระซึ่งนับว่าผิดกฎของเกอิชา แต่เรื่องราวของทั้งสองคนก็ค่อยๆ เปิดเผยออกมาเรื่อยๆ แต่ในท้ายที่สุด โคมาโกะก็เข้าใจว่าความสุขที่เธอคาดหวังจากชิมามูระนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้
The Old Capital
นวนิยายของนักเขียนชาวญี่ปุ่น ยาสุนาริ คาวาบาตะเป็นหนึ่งในสามนวนิยายที่คณะกรรมการโนเบลกล่าวถึงในการตัดสินใจมอบรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมให้คาวาบาตะ
จิเอโกะ ลูกสาวของ ทาคิจิโระ กับ ชิเงะ ซึ่งเปิดร้านขายส่งของแห้งอยู่ในเขตเขต Nakagyo ของเกียวโต จิเอโกะในวัย 20 นั้นรู้มาตลอดว่าแท้จริงเธอเป็นเพียงลูกบุญธรรมของทาคิจิโระ กับ ชิเงะ โดยชิเงะเล่าพาได้พบจิเอโกะใต้ดอกซากุระในศาลเจ้าคืนหนึ่ง จิเอโกะได้พบเบาะแสของนางสาวฝาแฝดชื่อ นาเอโกะ ที่อาศัยที่บ้านเกิดของเธอในคิตายามะ เพราะความเหมือนกันของทั้งสองคนจึงทำให้ผู้คนมากมายพบเห็นต่างมึนงง พร้อมกับความจริงที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยว่าเธอนั้นถูกขโมยมาหรือถูกพบโดยบังเอิญกันแน่
และทั้งสองเรื่องคือผลงานที่ส่งให้คาวาบาตะได้รับรางวัลโนเบลในปีนั้น แน่นอนว่าทั้งสองเรื่องยังคงเป็นหนังสือที่ถูกหยิบมาอ่านอยู่เสมอจนพึงปัจจุบัน ด้วยความงดงามของบทร้อยกรองที่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ถูกสอดแทรกไว้ในผลงานทั้ง 2 เล่มนี้ สำหรับนักอ่านที่อยากรู้จักนักเขียน ท่านอื่นๆ สามารถติดตามบทความ ได้ที่ article.reeeed เรามีหนังสือและนักเขียนน่าสนใจมากมานมาแนะนำอยู่เสมอ และใครที่กำลังมองหาร้านหนังสือออนไลน์ ก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อได้ที่ Reeeed.com เรามีหนังสือมากมายรอคอยให้ทุกคนเข้ามาอ่านกันนะคะ