ความ “อ้วน” มักเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนถูกกลั่นแกล้งจนถึงบางครั้งถึงขั้นถูกตั้งแง่รังเกียจจากสังคม ถูกมองว่เเชื่องช้า สกปรก ไม่น่าคบหา ความอ้วนนั้นเป็นสิ่งที่แสดงถึงตัวแปรอีกหลายๆ อย่าง อีกทั้งในอดีตความอ้วนนั้นถูกมองแตกต่างไปจากปัจจุบันเป็นอย่างมาก ในวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับความอ้วนให้มากขึ้นว่าในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้นความอ้วนถูกมองในแง่มุมที่แตกต่างกันอย่างไรบ้างค่ะ
รู้จักความอ้วน
ความอ้วนหมายถึงสภาวะที่มีน้ำหนักตัวเกินความเหมาะสมตามมาตรฐานทางการแพทย์หรือดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) ที่วัดความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักตัวกับความสูงของบุคคล คนที่มีค่า BMI เกินกว่า 25 ถือว่าอ้วน และค่า BMI เกินกว่า 30 ถือว่าอ้วนมาก (โรคอ้วน) อย่างไรก็ตาม ค่า BMI เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น และยังมีตัวแปรอื่นๆ เช่นองค์ประกอบกล้ามเนื้อและระดับไขมันในร่างกายที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อประเมินสุขภาพร่างกายอย่างถูกต้อง ความอ้วนเป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงและเกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพเสี่ยง อาทิเช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ส่งผลให้เสียคุณภาพชีวิตและเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงอื่นๆ ดังนั้น การรักษาสุขภาพร่างกายที่เหมาะสมเช่นการบริหารอาหาร การออกกำลังกาย และการดูแลรักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมความอ้วน
ความอ้วนส่งผลเสียอย่างไร
ความอ้วนมีผลต่อสุขภาพที่เสียได้หลายด้าน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากพฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่เหมาะสมและขาดการออกกำลังกาย เช่น การบริโภคอาหารมากเกินไปที่มีพลังงานสูงและอุปกรณ์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น อาหารจานใหญ่ที่มีปริมาณไขมันสูง อาหารหวาน อาหารอุ่นแบบอิ่มเอม นอกจากนี้ความอ้วนยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่สำคัญ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง โรคตับอ้วน ซึ่งสามารถก่อให้เกิดภาวะสุขภาพร้ายแรง และส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตลดลง อีกทั้งยังมีผลกระทบทางส่วนทางจิตใจและสังคม เช่น ความไม่พึงพอใจต่อรูปร่าง ปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเครียด ซึ่งสุขภาพที่ดีจะส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พลิกโฉมลดอันตราย และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรงได้เป็นอย่างมาก
ความอ้วนในอดีต
ในอดีต มุมมองทางสุขภาพมักเน้นไปที่ความสมดุลระหว่างน้ำหนักและส่วนสูง และมักไม่ให้ความสำคัญกับพัฒนาการร่างกายที่ดีและการรักษาสุขภาพ การมีน้ำหนักมากในอดีตอาจเกิดจากสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งอุดมสมบูรณ์มากขึ้น โดยมีการเข้าถึงอาหารที่มีพลังงานสูงและการทำงานที่ต้องใช้แรงงานน้อยลง นอกจากนี้ ความสังคมในอดีตมักมองว่าคนที่อ้วนอาจเป็นผู้ที่มีความมั่งคั่งและมีสถานะสังคมสูง เนื่องจากมีการเชื่อว่าการรับประทานอาหารมากๆ และการมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความสุขอย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งและความสวยงามที่เกี่ยวข้องกับความอ้วนในอดีตอาจไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ของสุขภาพที่ดีได้ แม้แต่โศเครตีสนักปราชญ์คนสำคัญในอดีตเองก็เป็นคนที่อ้วนท้วมเช่นกัน นั้นจึงแสดงให้เห็นถึงสถานะทางสังคมของคนอ้วนที่แสดงถึงความมั่งคั่งและสุขสบายของคนอ้วนในอดีต
ความอ้วนและการเกี่ยวข้องกับอำนาจ
ในบางสังคมในอดีตและวัฒนธรรมบางแห่ง ความอ้วนถูกพิจารณาว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและอำนาจ เนื่องจากคนที่มีน้ำหนักตัวมากถือว่าสามารถบริหารสภาพแวดล้อมและทรัพยากรต่างๆ ในระดับสูงได้ เช่น สามารถทานอาหารมากพอสมควร และมีเวลาพักผ่อนเพียงพอให้กับตนเอง นอกจากนี้ สัตว์ที่เก็บไขมันได้มากก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ตัวอย่างเช่น ในประวัติศาสตร์ของบางสังคมเมื่อมีการระบาดของโรคความอ้วน พระสงฆ์หรือครีบวงศ์สำคัญมักจะมีการอุทิศตนให้กับการรับประทานอาหารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แสดงถึงความสงบเรียบร้อยและศิลปินหรือชาวบ้านที่มีสถานะสูงก็มักจะมีน้ำหนักตัวมาก เพราะสามารถเลี้ยงชีพด้วยงานศิลปะหรืองานด้านความบริสุทธิ์ได้ในระดับสูง
ความอ้วนในปัจจุบัน
ในปัจจุบันคนอ้วนถูกมองแตกต่างจากอดีตอย่างมากเนื่องจากการเกิดการเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพและความอ้วน มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบทางสุขภาพและความเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความอ้วนอย่างจริงจังกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีความตระหนักที่สูงขึ้นเกี่ยวกับความสวยงามและการรักษาสุขภาพที่ดี ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในทัศนคติของสังคมต่อคนที่มีน้ำหนักเกินมาก คนอ้วนในปัจจุบันถูกมองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคและมีความผิดปกติทางสุขภาพในระดับที่สูงกว่า ซึ่งอาจทำให้เกิดการสะท้อนสังคมและการกีดกันทางสังคมเพิ่มขึ้น อีกทั้งในยุคปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อออนไลน์ที่สะท้อนถึงความหลากหลายของร่างกายและการยอมรับความหลากหลายดังนั้นความอ้วนก็ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นความผิดปกติหรือข้อบกพร่องเท่าที่อดีตมองว่าเป็น และความหลากหลายของรูปร่างและขนาดตัวถูกยอมรับ
สำหรับนักอ่านคนไหนที่รู้จักประวัติศาสตร์ของความอ้วนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาประวัติศาสตร์อย่างไรบ้าง Reeeed ก็มีหนังสือแนะนำอย่าง ประวัติศาสตร์ความอ้วน Fat : A CULTURAL HISTORY จากสำนักพิมพ์ยิปซีมาแนะนำนักอ่านทุกคนกันค่ะ นี่คือหนังสือที่จะบอกเล่าถึงเรื่องราวของความอ้วนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อย่างไรกันบ้าง
ความรู้สึกและทัศนคติของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไป มีผู้คนที่ยังคงมีทัศนคติเชิงลบต่อคนที่อ้วนอยู่ และอาจมีการกีดกันหรือวิจารณ์ต่อคนที่มีน้ำหนักเกินมากในทางสังคมหรือสภาพแวดล้อมในบางกรณี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังมีการส่งเสริมความรับรู้และการเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับความหลากหลายของรูปร่างและการยอมรับความหลากหลายของคน มีความตระหนักรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพและความสำคัญของการรักษาสุขภาพที่ดีในทุกขนาดรูปร่าง อาจมีการสนับสนุนความรู้สึกเชิงบวกและความเชื่อมั่นในตนเองในกลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกินมาก และมีความเข้าใจมากขึ้นว่าความหลากหลายของรูปร่างเป็นสิ่งที่ยอมรับและสวยงาม แต่อย่างไรก็ตามสังคมและทัศนคติในเรื่องความอ้วนกำลังเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
อ้วน โง่ ขี้เกียจ อ่อนแอ อัปลักษณ์ ตัวประหลาด เหม็น ป่าเถื่อน ถูกเปรียบเหมือนสัตว์ นุ่มนิ่ม ปวกเปียก ไร้สมรรถภาพทางเพศ สารพัดภาพความคิดที่มากับคำว่า “อ้วน” และความรู้สึกอีกมากมายที่ผูกไว้กับ “ไขมัน” น่ารังเกียจ ขยะแขยง สกปรก เหนียวเหนอะ มันลื่น หาก “อ้วน” เป็นคำดูถูกที่รุนแรง หยาบคาย และเป็นที่ไม่ต้องการของใครหลาย ๆ คนในปัจจุบันแล้ว ก็เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกิดกับคำนี้ในอดีต ที่ทั้งดูถูก ประณาม และสามารถทำลายภาพลักษณ์ต่อคนทุกชนชั้น ในขณะเดียวกัน “ไขมัน” ก็ยังจำเป็นต่อร่างกาย เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ความมีชีวิตชีวา เป็นภาพแทนของพละกำลังและอำนาจ เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของชีวิต… แล้วเราจะทั้งรักทั้งเกลียดคำว่า “อ้วน!”